ข่าว

ธ.ก.ส.มีแผนออกบัตรรูดปื๊ดชาวนา

ธ.ก.ส.มีแผนออกบัตรรูดปื๊ดชาวนา

13 มิ.ย. 2554

ธ.ก.ส.ระบุมีแผนออกบัตรเครดิตให้ลูกค้าชาวนาอยู่แล้ว หากภาครัฐมีนโยบายพร้อมเดินหน้า รอความพร้อมของสหกรณ์ที่ขายปุ๋ยต้องมีเครื่องรูดบัตรด้วย แย้มเบื้องต้นให้วงเงิน 60% ของวงเงินสินเชื่อ หวั่นกำหนดราคาข้าวสูงเกินจริง ส่งผลรายได้คลาดเคลื่อนกระทบการใช้หนี้คืน

 นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวถึงนโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง ที่ชูเรื่องการจัดทำบัตรเครดิตชาวนาว่า เรื่องดังกล่าวเป็นแผนงานของ ธ.ก.ส. ที่เตรียมดำเนินการทำบัตรเครดิตของธนาคารให้แก่ชาวนาอยู่แล้ว เนื่องจาก ธ.ก.ส.ต้องอนุมัติสินเชื่อให้ลูกค้าเกษตรกรเป็นประจำทุกปี ซึ่งปัจจุบันจะโอนเงินเข้าบัญชีของลูกค้าเพื่อให้ไปกดเบิกเงินจากตู้เอทีเอ็มเพื่อใช้ตามความจำเป็น เพราะเกษตรกรไม่ได้ใช้เงินก้อนทีเดียวพร้อมกัน เช่น ซื้อเมล็ดพันธุ์ หรือซื้อปุ๋ย เป็นต้น หากต่อไปจะพัฒนาเป็นบัตรเครดิตก็น่าจะสามารถทำได้

 สำหรับการปรับรูปแบบเป็นบัตรเครดิตนั้น ต้องให้สหกรณ์ที่จำหน่ายปุ๋ยหรือเมล็ดพันธุ์มีเครื่องรูดบัตรด้วย จึงจะสามารถดำเนินการได้ โดยสหกรณ์ต้องตรวจสอบว่าเป็นบัตรจริงและยังมีวงเงินเหลือจึงจะให้ใช้บัตรเครดิตชำระสินค้าได้ ซึ่งในเบื้องต้น ธ.ก.ส.จะเปิดวงเงินให้ประมาณ 60% ของวงเงินสินเชื่อที่ให้ในแต่ละปี โดยคำนึงจากรายได้จากการขายผลผลิตของแต่ละราย เช่น หากขายผลผลิตได้เพียง 5 หมื่นบาท ก็จะให้วงเงินบัตรเครดิตเพียง 3 หมื่นบาท เพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคตหากไม่สามารถขายผลผลิตได้ตามที่ประเมินไว้เบื้องต้น

 “ปัจจุบันเกษตรกรนิยมใช้บัตรเอทีเอ็มในการเบิกจ่ายเงิน ส่วนบัตรเครดิตก็กำลังวางแผนจะทำอยู่แล้ว แต่คงต้องพิจารณาให้รอบคอบในเรื่องของการจำกัดวงเงิน และการให้นำไปใช้ซื้อสิ่งจำเป็นเพื่อการเพาะปลูกเท่านั้น เมื่อมีพรรคการเมืองชูเรื่องนี้ขึ้นมาก็คงต้อรอดูความชัดเจนหลังจากนี้ก่อน เพื่อปรับใช้ให้เหมาะสม" นายลักษณ์กล่าว

 อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการไปกำหนดราคาซื้อข้าวไว้สูงเกินความเป็นจริง หรือสูงกว่าตลาดแล้วนำมาเป็นฐานคำนวณวงเงินเครดิตที่เกษตรกรต่อรายจะได้รับ อาจจะทำให้วงเงินสูงกว่าความเป็นจริง ซึ่งส่วนที่เกินอาจถูกนำไปใช้ไม่เกิดประโยชน์และมีปัญหาในการชำระคืนภายหลังได้ ดังนั้น ในส่วนนี้คงต้องระมัดระวังด้วย โดยในรายละเอียดน่าจะสามารถหารือกันได้เชื่อว่าฝ่ายนโยบายจะเข้าใจดี

 ส่วนเรื่องของการประกันภัยพืชผลนั้น มองว่าน่าจะเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ว่าพรรคการเมืองไหนจะได้เป็นรัฐบาล เพราะส่วนใหญ่เห็นว่าเกิดประโยชน์กับชาวนาแท้จริง แต่อาจจะเริ่มดำเนินการช้าไปบ้าง เพราะต้องรอทำควบคู่ไปกับการประกันรายได้ข้าวนาปีรอบใหม่