ข่าว

รวบ3สายลับโจรกรรมข้อมูลให้เขมร

รวบ3สายลับโจรกรรมข้อมูลให้เขมร

09 มิ.ย. 2554

ศรีสะเกษจับ 3 สายลับโจรกรรมข้อมูลให้เขมร ขณะตระเวนจับพิกัดที่ตั้งฐานทหาร - บังเกอร์ชาวบ้าน ค้นในตัวพบหลักฐานแผนที่ประเทศไทยและกัมพูชา มีการมาร์คจุดเขียนรหัสหมายเลข 10 หลักเป็นสัญลักษณ์ไว้รู้กันในกลุ่ม พ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรโรงเกลือ200คนประท้วงถูกรีดส่วย

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 9 มิ.ย.  ที่ห้องประชุม สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พ.ต.อ.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผกก.สภ.กันทรลักษ์  จ.ศรีสะเกษ และ พ.อ.ธนศักดิ์   มิตรภานนท์  ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และคณะนายทหารสังกัดกองกำลังสุรนารี ร่วมกับพนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ ได้ร่วมกันทำการสอบสวน  3 ผู้ต้องหาซึ่งเป็นชาวกัมพูชา  ชาวเวียดนาม และชาวไทยศาสนาอิสลาม  ซึ่งถูก ตร.สภ.กันทรลักษ์และทหารพรานสังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จับกุมได้ที่บริเวณถนนสายกันทรลักษ์ - เขาพระวิหาร  ต.เมือง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ  ขณะที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้ใช้รถยนต์ลักลอบเข้ามาหาพิกัดที่ตั้งของทหารไทยและสำรวจบังเกอร์ของชาวบ้านที่บ้านภูมิซรอล  ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ  โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 54  เวลา  17.00 น. ที่ผ่านมา 
 
           พ.ต.อ.สมพจน์   ขอมปรางค์  ผกก.สภ.กันทรลักษ์  กล่าวว่า  การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากว่า  พ.อ.ธนศักดิ์  มิตรภานนท์  ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23  พ.ท.พยัคฆพล   คุ้มแสง ผช.หน.ฝ่ายข่าว กองกำลังสุรนารี พ.ท.ธนูศิลป์  จังอินทร์  นายทหารการข่าว กองกำลังสุรนารี และตน ได้สืบทราบว่า ได้มีกลุ่มบุคคลซึ่งมีคนไทยร่วมอยู่ด้วย ได้เข้ามาในประเทศไทย เพื่อกระทำความผิดและทำการสอดแนมเพื่อโจรกรรมข้อมูลฐานที่ตั้งทหารฝ่ายไทยตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา   ตามวันเวลาที่เกิดเหตุข้างต้น
 ซึ่งก่อนที่จะถูกจับกุมได้ ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนชื่อ  นายสุชาติ   มูฮำหมัด  อายุ  32 ปี  สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย ศาสนาอิสลาม นายอึ้ง  กิมไทย  อายุ 43 ปี สัญชาติกัมพูชา เชื้อชาติกัมพูชา ศาสนาพุทธ  และนายเหวียง  เติ้งยัง  อายุ 37 ปี สัญชาติเวียดนาม เชื้อสายเวียดนาม ศาสนาพุทธ   ได้พากันเข้ามาที่บริเวณบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์  จ.ศรีสะเกษ  โดยใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้าสีดำ  สี่ประตู  หมายเลขทะเบียน ชว 1901 กทม. โดยมี นายสุชาติเป็นคนขับ  
 
           ผกก.สภ.กันทรลักษ์  กล่าวต่อไปว่า   ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3  คน ได้ทำการสอดแนมฐานที่ตั้งทางทหารของทหารพราน ที่ตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชาที่บ้านภูมิซรอล ตลอดจนสำรวจหลุมบังเกอร์ของชาวบ้าน ที่ทางราชการทหารได้จัดทำไว้ให้ชาวบ้านได้ใช้เพื่อหลบกระสุนปืนใหญ่ในยามสงคราม  ซึ่งจากการตรวจค้นผู้ต้องหาทั้ง 3 คนพบแผนที่ทางทหารของประเทศกัมพูชา  มาตราส่วน 1ต่อ 50,000  (หมายความว่า 1 ช่องในแผนที่เท่ากับภูมิประเทศจริง 1 กม.) และแผนที่ประเทศไทยมาตราส่วน 1 ต่อ 1,200,000

  โดยในแผนที่ประเทศไทยพบหลักฐานการจดข้อความพิกัด หมายเลข 10 หลัก ที่รู้จักกันในกลุ่มของผู้ต้องหา  อยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหาทั้ง 3 คน    และเครื่องมือสื่อสารเป็นโทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง และจากการตรวจปัสสาวะของผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ผลจากการตรวจสอบพบสารเสพติดประเภทแอมเฟตามีนเจือปนในปัสสาวะของนายสุชาติ  และนายอึ้ง  ซึ่งยอมรับสารภาพว่าได้เสพยาบ้ามาก่อนจริง     

 เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหา นายสุชาติ   มูฮำหมัด และนายอึ้ง  กิมไทย ว่า  ร่วมกันกระทำการใด ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ  เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย เป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษ(ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย  ส่วนนายเหวียง ถูกดำเนินคดีข้อหาเดียวคือ ร่วมกันกระทำการใด ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ  นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งมอบให้ พ.ต.ท.ประยุทธ  ทับทิมไสย์ รอง ผกก.(สส.)สภ.กันทรลักษ์ และ พ.ต.ต.สังวร  วันทะวี  สารวัตรเวรสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

            ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวแจ้งว่าการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ครั้งนี้  รัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านของไทย ได้มีการประสานงานมายังฝ่ายความมั่นคงของไทย เพื่อขอตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน แต่ทางฝ่ายไทย ยังคงยืนยันที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปและยังไม่มีการสั่งการใด ๆ จากหน่วยเหนือถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แต่อย่างใด

รวบ6เขมรตั้งแก๊งค์ชิงทรัพย์ในตลาดโรงเกลือ
 
 เมื่อเวลา 09.30 น.ขณะที่ ร.อ.ชาญ ว่องไวเมธี ผบ.ร้อย ทพ. 1206 ฉก.กรม.ทพ. 12 กกล.บูรพา ได้ประสานความร่วมมือกับ พ.ต.อ.สุบิน บุญเล็ก ผกก.สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว, พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว และ พ.ต.ท.ธัชชัย ทิพเนตร สว.ตร.ทท.สระแก้ว สนธิกำลังร่วมกันออกลาดตะเวณและตรวจตราดูแลความสงบเรียบร้อยให้กับนักท่องเที่ยวอยู่ภายในตลาดโรงเกลือ ใกล้จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

 เมื่อลาดตะเวณมาถึงบริเวณอาคาร ญ.ห้องเลขที่ 1 ติดตลาดขายผลไม้ภายในตลาดโรงเกลือ ได้ตรวจพบคนร้ายคาดว่าเป็นชาวเขมรกำลังลักกระเป๋าหนังสีน้ำตาลภายในร้านขายเสื้อผ้าห้องเลขที่ 1 อาคาร ญ.แล้ววิ่งหนีจะข้ามเขตแดนบริเวณด้านหลังตลาดโรงเกลือ โดยมี หญิงสาวซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้าวิ่งติดตาม จนท.จึงช่วยกันวิ่งไล่และสามารถสกัดจับไว้ได้บริเวณท้ายตลาดโรงเกลือ ทราบชื่อคือนายไช บุนนา อายุ 19 ปี ชาวเขมร ในมือถือกระเป๋าหนังสีน้ำตาล ภายในมีเงินสดเกือบ 1 หมื่นบาท

 ต่อมา น.ส.นีตา กรุย อายุ 19 ปี แม่ค้าขายเสื้อผ้าชาวเขมร ได้มาชี้ตัวและยืนยันว่ามีอาชีพค้าขายเสื้อผ้าอยู่ในตลาดโรงเกลือ ห้องเลขที่ 1 อาคาร ญ. ภายในตลาดโรงเกลือ ขณะขายของอยู่ในร้านได้มีนายไช บุนนา ชาวเขมรเดินเข้ามาแล้วชิงเอากระเป๋าหนังสีน้ำตาล ซึ่งเป็นกระเป๋าใส่เงินของตนที่วางไว้อยู่ข้างตัว แล้ววิ่งหนีออกจากร้านไป ตนจึงวิ่งไล่ตามจนกระทั่ง จนท.สามารถสกัดจับไว้ได้

 จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายไช  บุนนา มาสอบสวนทราบว่านอกจากนายไช บุนนา แล้วยังมีพรรคพวกซึ่งเป็นชาวเขมรตั้งกลุ่มเป็นแก๊งค์ชิงทรัพย์ และหลอกลวงนักท่องเที่ยวในตลาดโรงเกลือ อีก จำนวน เกือบ 10 คน เจ้าหน้าที่จึงวางแผนล่อซื้อด้วยการนำตัวนายไช บุนนา ไปชี้ตัวเพื่อนร่วมแก๊งค์ ซึ่งกำลังเดินเตร็ดเตร่หาเหยื่ออยู่ในตลาดโรงเกลือ ซึ่งสามารถจับกุมเพื่อนร่วมแก๊งค์ของนายไช บุนนา จำนวน 5 คน ประกอบด้วย นายนายราน กิม อายุ 27 ปี,นายสุ วิด อายุ 33 ปี,นายสุวัน คีรี อายุ 32 ปี,นายเปง เจีย อายุ 19 ปี และนายเส็ง จันอวง อายุ 39 ปี

 จากการตรวจสอบผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ไม่พบเอกสารหรือหนังสือเดินทางเข้าประเทศแต่อย่างใด จึงควบคุมตัวทั้งหมดมาสอบสวนที่ สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว โดยมี น.ส.นีตา กรุย เจ้าของร้านขายเสื้อผ้า ห้องเลขที่ 1 อาคาร ญ. เป็นเจ้าทุกข์มาแจ้งความดำเนินคดีกับแก๊งค์ดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว ดำเนินคดีต่อไป

พ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรโรงเกลือ200คนประท้วงถูกรีดส่วย
 
 ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น.ผู้ประกอบการชาวเขมร ที่ค้าขายอยู่ในตลาดโรงเกลือจำนวนกว่า 200 คน ได้เดินทางมารวมตัวกันที่ หน้า สภ.คลองลึก โดยมีนางหมวย หรือ นางจัน ลี อายุ 41 ปี ผู้ประกอบการค้าชาวเขมรในตลาดโรงเกลือ เป็นแกนนำ โดยพ่อค้า แม่ค้า ชาวเขมรได้เรียกร้องขอแจ้งความกับ ตร.สภ.คลองลึก ให้ช่วยเหลือเนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจาก กลุ่มที่อ้างตนเป็น จนท.หน่วยงานรัฐจาก กทม.หลายหน่วยงาน มาเรียกเก็บเงินจากร้านค้าชาวเขมรในตลาดโรงเกลือและข่มขู่ ทำให้ผู้ประกอบการค้าชาวเขมรในตลาดโรงเกลือ ได้รับความเดือดร้อนจนทนไม่ไหว จึงรวมตัวกันมาขอความช่วยเหลือ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองลึก โดยมี ตร.สภ.คลองลึก และ กองร้อยทหารพรานที่ 1206 ฯนำกำลัง ตร.และทหารพราน กว่า 30 นาย มาดูแลความสงบเรียบร้อย

 ต่อมา พ.ต.อ.สุบิน ได้เดินทางมาเจรจากับกลุ่มผู้ประกอบการค้าชาวเขมรฯโดยตัวแทนผู้ประกอบการค้าชาวเขมร โดยผู้ประกอบการค้าชาวเขมร ได้กล่าวกับ พ.ต.อ.สุบิน บุญเล็กฯ ว่าขณะนี้ผู้ประกอบการค้าชาวเขมรในตลาดโรงเกลือ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมดกว่า 2000 ราย กำลังได้รับความเดือดร้อนจาก จนท.ซึ่งอ้างว่าเป็นหน่วยงานของรัฐบาลไทยใน กทม.หลายหน่วยงาน เช่น ปคม.,ปคบ.,ปดส.,ปราบปรามลิขสิทธิ์ และ กองปราบปราม กอง 2 และกอง 4 มาเรียกเก็บเงินจากร้านค้าชาวเขมรในตลาดโรงเกลือ หน่วยงานละ 300 - 400 บาท ต่อวัน โดยจะมีชาวเขมรเดินเก็บเงินให้ หน่วยงานเหล่านั้น หากร้านค้าใดไม่จ่ายเงินจะถูกคนไทยซึ่งอ้างว่าเป็น จนท.หน่วยงานนั้นๆข่มขู่ว่าจะยกกำลัง จาก กทม.มาจับกุม ทำให้พ่อค้า แม่ค้าชาวเขมรเกิดความกลัวและได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก

 จึงอยากขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว มาช่วยเหลือให้ความคุ้มครองผู้ประกอบการค้าชาวเขมรในตลาดโรงเกลือ ด้วย ซึ่ง พ.ต.อ.สุบิน บุญเล็ก ผกก.ฯ ได้รับหนังสือฯดังกล่าวจากพ่อค้า แม่ค้าชาวเขมร และรับปากพ่อค้า แม่ค้าชาวเขมรจะตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน และจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอไปยัง นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผวจ.สระแก้ว และ พล.ต.ต.ธีรยุทธ ธรรมสาโรชน์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว เพื่อดำเนินการต่อไป

 นางจัน ลี อายุ 41 ปี ผู้ประกอบการค้าชาวเขมรในตลาดโรงเกลือ กล่าวว่า ชาวเขมรที่เข้ามาค้าขายในตลาดโรงเกลือ ฝั่งไทย มีทั้งหมดกว่า 2000 คน และค้าขายในตลาดโรงเกลือมานานเกือบ 20 ปีแล้ว ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ จู่ๆก็มีคนไทย ซึ่งอ้างว่าเป็น จนท.มาจากหน่วยงานหลายหน่วยงานของไทย ใน กทม.บางคนแขวนบัตรที่คอแต่ชาวเขมรอ่านไม่ออกไม่รู้ว่ามาจากหน่วยไหน แต่ที่มาอ้างก็จะมีที่จำได้คือ หน่วยงาน ปคม.,ปคบ.,ปดส.,ปราบปรามลิขสิทธิ์,กองปราบปรามกอง 2 และ กอง 4 จะมาเดินเก็บเงินร้านค้าของชาวเขมรร้านละ 300-400 บาท ต่อร้านฯต่อหน่วยงานฯซึ่งแต่ละหน่วยงานจะมีชาวเขมรมาเดินนำและเป็นผู้เก็บเงิน ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้พ่อค้า แม่ค้าชาวเขมรในตลาดโรงเกลือ เดือดร้อนมาก เนื่องจากปัจจุบันค้าขายไม่ค่อยดีแล้ว ยังมาถูกรีดไถแบบนี้ทำให้ทนไม่ไหวจึงรวมตัวกันมาร้องและยื่นหนังสือเพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว มาคุ้มครองผู้ประกอบการค้าชาวเขมรในตลาดโรงเกลือ ด้วย

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกลุ่มผู้ประกอบการชาวเขมรยื่นหนังสือแล้ว  จึงได้แยกย้ายกันกลับตลาดโรงเกลือ เมื่อเวลา 12.00 น.