ปักหมุดพิกัดเด็ด กินเต็มเหนี่ยว-เที่ยวเต็มที่ @ กัวลาลัมเปอร์

หลังจากสถานการณ์โควิค-19 คลี่คลายลง ทุกประเทศกลับมาฟื้นฟูด้านการท่องเที่ยวกันอย่างคึกคัก ประเทศเพื่อนบ้านทางตอนใต้ของไทย อย่าง “มาเลเซีย” ก็เช่นกัน โดยเมื่อปลายเดือน มิ.ย. 2566 ที่ผ่านมา สายการบินจากมาเลเซีย MYAirline ได้ขยายเส้นทางบินสู่ประเทศไทยทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปยังมาเลเซียให้มีตัวเลือกที่เพิ่มมากขึ้นด้วย

 

 

 

และการเดินทางครั้งนี้ของคณะเราด้วยการเชื้อเชิญจาก การท่องเที่ยวมาเลเซีย สำนักงานกรุงเทพฯ ก็เลือกที่จะทดลองใช้บริการสายการบินน้องใหม่นี้เช่นกัน โดยเลือกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง เครื่องก็พาเราลงสู่สนามบินนานาชาติ กัวลาลัมเปอร์ หลังจากหยิบจับสัมภาระเรียบร้อยก็พร้อมออกตระเวนกิน-เที่ยวกันทันที

 

 

ก่อนเดินทางมาที่นี่เคยได้ยินหลายคนพูดว่า กัวลาลัมเปอร์ ไม่มีที่ไหนให้เที่ยว แต่การมาครั้งนี้ของเราบอกเลยว่าตื่นตาไม่น้อย เพราะหลังจากเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเมื่อเดือน เม.ย. ปี 2565 ทุกสถานที่ท่องเที่ยวในกัวลาลัมเปอร์ก็คราคร่ำไปด้วยผู้คนทั้งนักท่องเที่ยวชาว มาเลเซีย เอง นักท่องเที่ยวไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามากันไม่ขาดสาย

 

 

 

 

เมื่อออกจากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ เรามุ่งหน้าเข้าเมืองหลวงทันที แต่ระหว่าทางคณะของเราเลือกที่จะฝากท้องระหว่างทางด้วยอาหารขึ้นชื่ออย่าง สะเต๊ะ เป็นมื้อแรกที่ร้าน Sate Kajung Haji Samuri เป็นร้านเก่าแก่ของรัฐสลังงอ ขายสะเต๊ะแบบออริจินัลที่คนพื้นเมืองนิยมกินกันมาก เนื้อที่นำมาทำสะเต๊ะมีให้เลือกหลายชนิดทั้งเนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อแกะ และที่ขายดีที่สุดคือเนื้อกระต่าย สนนราคาอยู่ที่ไม้ละ 3.20 ริงกิต รสชาติ เข้มข้นเอร่อยโดยไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้ม แต่ถ้าใครอยากเพิ่มรสชาติด้วยน้ำจิ้มหน้าตาคล้ายน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะบ้านเรา ทางร้านก็มีไว้บริการแต่ของเขาจะหอมกรุ่นกลิ่นเครื่องเทศกลิ่นชัดทีเดียว และมีอาจาดมาให้กินตัดเลี่ยนด้วย ส่วนเครื่องคียงที่เสิร์ฟมาพร้อมกันไม่ใช่ขนมปังปิ้งอย่างบ้านเรา แต่ที่โน่นเขาเสิร์ฟข้าวอัดเป็นก้อนแล้วตัดให้เป็นชิ้นพอคำ

 

 

 

 

วันถัดมาไปเรามุ่งตรงไปที่ร้าน House of Patin Lipis Di KL ร้านที่หลายคนแนะนำให้ไปลองชิม ที่นี่บริการอาหารของรัฐปาหังที่ส่วนใหญ่มีทุเรียนเป็นส่วนประกอบ เนื่องจากที่นั่นปลูกทุเรียนมาก โดยอาหารขึ้นชื่อของร้านนี้จะเน้นปลาน้ำจืดหลักเป็น เมนูที่ขึ้นชื่อที่มาแล้วต้องลองก็อย่าง แกงปลาสวาย, น้ำพริกทุเรียนสะตอ, แกงเนื้อ เป็นต้น

 

 

 

อย่างที่บอกไปแล้วว่าที่ มาเลเซีย เป็นถิ่นที่ปลูกทุเรียนกันมาก ร้านต่อไปจึงมีทุเรียนเป็นส่วนประกอบอีกเช่นกัน กับร้านของหวานขึ้นชื่อในย่านไชน่าทาวน์ ชื่อร้าน Chinatown Cendol มาร้านนี้แล้วแนะนำให้ลองชิมลอดช่องทุเรียน ที่ฟังครั้งแรกคิดว่าจะเป็นลอดช่องใส่กับน้ำกะทิทุเรียน แต่เมื่อพนักงานยกมาเสิร์ฟก็ต้องตะลึงกับลอดช่องถ้วยใหญ่ เสิร์ฟมาบนเกล็ดน้ำแข็งใสพร้อมด้วยถั่วแดง และข้าวโพด ที่แปลกตาคือทุเรียนสดๆ พันธุ์ขึ้นชื่อของมาเลฯ อย่างมูซานคิงประมาณ 4-5 เม็ด ที่วางมาในถ้วย แต่หากใครไม่พิสมัยรสชาติและกลิ่นของทุเรียนจะสั่งแบบไม่ใส่ทุเรียนก็ไม่ผิดกติกา

 

 

 

 

อีกร้านที่มาแล้วต้อลองคือ Ikan Bakar Seri Melaka, Jalan Bellamy ที่นี่เป็นร้านบาร์บีคิวซีฟู้ดที่คนเยอะมาก ลูกค้าสามารถเลือกอาหารทะเลสดๆ ที่เพิ่งปรุงสุกใหม่จากเตา รับประทานตอนกำลังร้อนๆ รสชาติดีจนอยากบอกต่อ

 

 

 

 

 

มา กัวลาลัมเปอร์ ครั้งนี้ เรายังมีโอกาสได้ลิ้มรสอาหารในร้าน De. Wan 1958 by Chef Wan @ The Linc KL ซึ่งเป็นร้านที่ได้มิชลิน ปี 2023 นอกจากอาหารจะจัดแต่งมาอย่างสวยงาม รสชาติดีงามถูกปากคนไทยอย่างเราแล้ว ทุกมุมในร้านยังตกแต่งอย่างสวยงามอีกด้วย

 

 

ชิมของกินทั้งคาว-หวานไปจนอิ่มหนำ ก็ได้เวลาเปลี่ยนโมเม้นต์ไปเดินเที่ยวเล่นกันบ้าง จุดแรกที่มา KL แล้วพลาดไม่ได้คือ Petronas Twin Towers หรือที่คนไทยเรียกกันว่าตึกแฝดเปโตรนาส ความสูง 452 เมตร และเคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศมาเลเซีย ทุกวันนี้ก็ยังเป็นแลนด์มาร์คสำสัญของกัวลาลัมเปอร์ที่ไม่ว่าจะมากี่ครั้งก็ต้องแวะมาเช็กอินและเก็บภาพเป็นที่ระลึกเสมอ

 

 

 

อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของ KL คือ KL Tower ตึกนี้สูงเป็นอันดับที่ 7 ของโลก ความสูงอยู่ที่ 421 เมตร มาที่นี่นอกจากจะชมวิวมุมสูงของกัวลาลัมเปอร์แล้ว ยังมีกิจกรรมสุดหวิวอย่าง KL Tower Walk เป็นการเดินรอบตึก KL Tower ที่ระดับความสูง 100 ฟุต บนทางเดินกระจกใสแจ๋ว มีที่กั้นสูงช่วงเข่า แถมบางช่วงไม่มีที่กั้นเปิดโล่งให้นั่งห้อยขาถ่ายรูปกันแบบเสียวๆ ใครไม่กลัวความสูงแนะนำเลยเพราะข้างบนนั้นลมเย็นมากๆ ส่วนเรื่องความปลอดภัยการันตีได้เลยเพราะเขามีอุปกรณ์เซฟตี้ และสลิงช่วยล็อคตัวไว้ด้วย

 

 

 

ถ้ายังไม่หมดแรงช่วงค่ำแนะนำให้ไปแฮงเอ้าท์ต่อบนลานจอด ฮ. ในย่านบูกิต บินตัน ที่ Helipad Lounge Bar บนความสูงขนาดนี้เราสามารถมองเห็นวิวมุมสูงได้แบบ 360 องศา กับเครื่องดื่ม 2 ดริ๊งค์ในราคา 100 ริงกิต หรือถ้ายังไม่พอสามารถสั่งเพิ่มได้ยาวไป นั่งจิบเครื่องดื่ม รับลม พร้อมชมวิวสวยๆ ของ KL ไปด้วย เรียกว่าเป็นค่ำคืนที่ชิลล์สุดๆ ไปเลย 

 

...ใครที่เคยคิดว่ากัวลาลัมเปอร์ไม่มีสถานที่น่าสนใจ ลองปรับความคิด แล้วเปิดใจให้ KL ดูซักครั้ง แล้วคุณจะหลงรักมาเลเซียอย่างแน่นอน...

 

 

MYAirline จากสุวรรณภูมิ (BKK) บินตรงสู่ กัวลาลัมเปอร์  มีบริการวันละ 2 เที่ยวบิน

• เที่ยวบิน Z9 551 ออกเดินทาง 12:45 น. ถึงปลายทาง 16:15 น. (เวลาท้องถิ่น)
• เที่ยวบิน Z9 9035 ออกเดินทาง 19:15 น. ถึงปลายทาง 22:45 น. (เวลาท้องถิ่น)

 

ดอนเมือง (DMK) บินตรงสู่ กัวลาลัมเปอร์ มีบริการวันละ 2 เที่ยวบินเช่นกัน

• เที่ยวบิน Z9 9037 ออกเดินทาง 14:30 น. ถึงปลายทาง 17:50 น.(เวลาท้องถิ่น)
• เที่ยวบิน Z9 563 ออกเดินทาง 21:00 น. ถึงปลายทาง 00:20 น.(เวลาท้องถิ่น)

 

ขอบคุณภาพ : อาร์ม อิสระ