วัดเล่งเน่ยยี่ ศูนย์รวมศรัทธา ชาวไทย เชื้อสายจีน ในเทศกาลตรุษจีน

วัดเล่งเน่ยยี่ หรือนามพระราชทานว่า วัดมังกรกมลาวาส ตั้งอยู่ถนนเจริญกรุง ย่านเยาวราช หรือไชน่าทาวน์ ระบือนามแห่งกรุงเทพมหานคร

 

แต่ละวัน ตั้งแต่เปิดวัด เวลา 07.00 ถึงเวลาปิด 18.00 น. ควันธูปไม่เคยจาง เพราะประชาชนทุกเพศ ทุกวัย (แม่กระทั่งวัยรุ่น) ชุมนุมเต็มวัดมหายานแห่งนี้

เนื่องด้วย เป็นศูนย์รวมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่ในใจชาวจีนมาแต่ดึกดำบรรพ์ คือลัทธิเต๋า (หยิน หยาง) ลัทธิขงจื๊อ (ความกตัญญูและปรัชญา) และพระพุทธศาสนา (ปัญญาคุณ บริสุทธิคุณ และพระกรุณาธิคุณ) 

จิตรา ก่อนันทเกียรติ สรุปว่า สิ่งเคารพในใจชาวจีนนับแต่อดีต ถึงปัจจุบัน เมื่อถึงเทศกาลสำคัญๆ เช่นตรุษจีนต้องบูชา นั้น สามารถแบ่งออกได้ 4 ประเภท

 

1. เจ้าจากธรรมชาติและใกล้ตัวเช่นเจ้าป่า เทพยดา ฟ้าดิน เจ้าที่ เจ้าแม่ธัญญะพืชและ เจ้าเตา
2. เจ้าจากจินตนาการ หรือนิทาน เช่นเจ้าพ่อเห้งเจียและโป๊ยเซียน
3. เจ้าจากวีรบุรุษ หรือผู้ที่ทำความดีเช่นเทพเจ้กวนอู และเจ้าแม่ทับทิม
4. เจ้าจากพระคือพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ และพระอรหันต์

 

ในวัดเล่งเน่ยยี่ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครบถ้วน สนองศรัทธา เหมือน one stop service นั่นแล

ผมถามเจ้าหน้าที่สูงวัย ซึ่งทำงานในวัดดังแห่งนี้มานานว่า ทำไมผู้คนจึงมุ่งหน้ามาไหว้และบูชาที่วัดนี้ ท่านตอบโดยไม่ลังเลว่าความศรัทธาที่มีต่อวัด และความเก่าแก่ของวัดที่มีอายุกว่า 150 ปี (152 ปี)
 

เมื่อมาถึงวัดแล้ว ต้องไหว้อะไร บ้าง เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล เพราะทางวัด ทำแผนผังไหว้พระวันตรุษจีนให้ปฏิบัติ ประกอบกับการออกแบบของวัด ก็ทำเป็นสัดส่วน

 

เริ่มจากประตูทางเข้าห้องโถงของโบสถ์ ที่ทุกคนต้องผ่านองครักษ์ พระพุทธศาสนา คือท้าวจตุโลกบาล หรือท้วจาตุมหาราชทั้ง 4 ที่มีร่างกาย กำยำ สูงใหญ่ ดวงตา ท่าทางน่าเกรงขาม แต่งกายในชุดนักรบจีน คือ

1. ท้าวเวสสุวรรณ หรือท้าวกุเวร เจ้าแห่งผีและยักษ์ ประจำทิศเหนือ
2. ท้าวธตรฐ มีคนธรรพ์เป็นบริวาร เป็นเจ้าประจำทิศตะวันออก
3. ท้าววิรุฬหก มีกุมภัณฑ์เป็นบริวาร ประจำทิศใต้
4. ท้าววิรูปักข์ มีนาคเป็นบริวาร ประจำทิศตะวันตก

จิตรา ก่อนันทเกียรติ เขียนเล่าว่า เมื่อพระพุทธเจ้าประทับ ณ คันธกุฎี เขาคิชฌกูฏ กรุงราชคฤห์ ในพรรษาที่ 6 ในค่ำคืนหนึ่ง ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ไปเฝ้าพระพึทธเจ้า แล้วปวารณาว่าจะทำหน้าที่อารักขาพระพุทธศาสนา

 

ชาวจีนรับนับถือว่าท้าวจตุโลกบาลคือพระธรรมบาล วัดจีนจึงสร้างรูปท้าวทั้ง 4 ไว้ปกป้องวัด (ส่วนมากเป็นวัดใหญ่)

เมื่อผ่านท่านท้าวโลกบาล ก็ไปถึงห้องโถงใหญ่ คืออุโบสถ ที่เป็นหัวใจของวัด เพราะเป็นที่ประดิษฐาน พระประธาน 
แต่พระประธานวัดจีนทั้งหลายมี 3 องค์คือ (หันหน้าไปที่ตั้งพระ) ทางซ้ายสุด ได้แก่ พระอมิตาภะพุทธเจ้า
องค์กลางคือพระศรีศากยมุนี

 

ขวาสุด คือพระไภษัชยคุรุไวฑูรย์

แนวกำแพงทั้งซ้ายขวา เป็นที่ประดิษฐาน จับโป้ย หล่อ หัง หรือพระอรหันต์ 18 องค์

 

เมื่อไหว้ บูชา องค์พระประธานทั้ง 3 ก็ต้องไปด้านหลัง ที่เป็นสัดส่วนขององค์เทพทั้งปวง ทึ่นิยมไหว้คือ องค์ไฉ่ชิงเอี๊ยะ หรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ

 

และวิหารเทพแห่งองค์ไท้ ส่วย เอี๊ยะ เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา

ด้านหน้าวิหารเทพทั้ง 2 เต็มไปด้วยผู้ศรัทธา เพราะหลายคนปรารถนามากๆ ในช่วงเทศกาลตรุษจีน คือโชคลาภ หรือให้ทำมาค้าขึ้น ราบรื่น ไม่มีอุปสรรค

 

ในขณะเดียวกัน ก็ต้องการสุขภาพ อนามัยสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัยนานาประการ

 

ในการนี้ ทางวัดจัดแผ่นพับจำหน่ายราคา 100 บาทให้สาธุชน เขียนชือ แก้ปีชง (ปีนี้ ปีเถาะ ชงกับ ปีระกา และปีชวดชงกับ ปีมะเมีย)

เมื่อเขียนตามลายแทง อธิษฐานแล้วให้ปัดที่ตัว 13 ครั้ง (ถ้าทำแทนไม่ต้องปัด) จากนั้น นำไปมอบให้เจ้าหน้าที่ เมื่อสิ้นปี้เขาจะนำมาสะสาง (เผา)

 

เมื่อผ่าน 3 จุด สำคัญ จะไหวัเทพ ไหว้เจ้า เช่นเจ้าแม่กวนอิม เทพเจ้ากวนอู ก็มีให้ไหว้บูชา รอบในกำแพงโบสถ์นั้น

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อมาคงวัดอายุ 152 ปี ก็ควรทราบประวัติย่อไว้ด้วย

ผู้ที่เป็นผู้นำในการก่อสร้างวัดเมื่อ พ.ศ. 2414 เป็นพระจีน มีนามฉายาว่า สกเห็ง มีนามตามสมณศักดิ์ว่า พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร  ตั้งชื่อว่า วัดเล่ง เน่ย ยี่ มาถึงสมัยสมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 พระราชทานนามว่า วัดมังกรกมลาวาส
ท่านสกเห้ง เป็นปฐมเจ้าอาวาส

 

ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ 10 มีนามว่า พระอาจารย์จีนคณาณัติจีนพรต (เย็นงี้) 

"เกร็ดความรู้"

 

วัดมังกรกมลาวาส เหมือนเป็นวัดแม่ที่ให้กำเนิดวัดจีน ตามมาอีก 16 วัด และ อีก 3 สำนักสงฆ์ รวมทั้งก่อให้เกิด พ.ร.บ.ปกครองสงฆ์จีน โดยมีเจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย เป็นประธาน ตามกฏกมาย (ปัจจุบันพระมหาคณาจารย์ธรรมสมาธิวัตร (เย็นเต็ก) เจ้าอาวาสวัดโพธิแมนคุณาราม เป็นเจ้าคณะใหญ่)

 

ให้สังเกตว่า พระจีนทุกวัด ฉันอาหารเจ จึงไม่ออกบิณฑบาตร ทางวัดจึงมีโรงครัว จัดอาหารถวายพระในวัดทุกวัน

 

อนึ่งการเดินมาวัดมังกร สะดวกที่สุดคือใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน มีสถานีวัดมังกร ให้ขึ้นลงสะดวก หรือรถโดยสารประจำทางผ่านหน้าวัดหลายสาย 

 

เมื่อเข้าวัด อาจมีปัญหานิดหน่อย เพราะลานหน้าวัดเคยจอดรถได้ หรือถ่ายรูปสะเวก แต่เวลานี้ ไม่สะดวก เพราะทางวัดสร้างแก้มลิงใต้ดิน แก้ปัญหาน้ำท่วมวัด ในฤดูฝน หรือน้ำทะเลหนุน ทางวัดปิดบางส่วนป้องก้นอันตราย จึงทำอุโมงค์ให้เดินทางเดียว ตามลูกศร จนถึงโบสถ์ และวิหารเทพต่างๆ เสร็จแล้วออกอีกทางหนึ่ง

 

ถ้าออกมาหลังบ่าย 3 โมง แนะนำให้กินข้าวแกงเจ็กปุ๊ย(เจ๊เฉี่ย)ที่ตรงข้ามทางออก แต่ต้องหาเก้าอี้นั่งให้ได้ก่อนจึงสั่งข้าวราดแกงได้ มีแกงอร่อยให้เลือก ที่แปลกใจ คนรับออร์เดอร์ความจำดีเลิศ จำได้หมดว่าใครสั่งอะไร แม้ว่าจะสั่งหลายอออร์เดอร์ และหลายคนก็ตาม ก็นำส่งไม่เคยผิด

 

สรุปว่าไหวัพระวัดมังกรแล้วท้องอิ่ม จากนั้นเดินเข้าซอย 16 ช้อปของอร่อยกลับบ้าน หรือจะเดินดูบรรยากาศคนเข้าคิวคอยอาหาร ที่ถนนเยาวราช ก็มีความสุขอีกแบบหนึ่งในเทศกาลตรุษจีน หลังโควิด 19 ส่างสา  (รัฐบาลว่า) ก็ได้

 

โดย ส.สุดโต (เจ้าเก่า)