Lifestyle

สิงคโปร์ ฉลอง วันเกิด ครบ 50 ปี "เมอร์ไลอ้อน" สัญลักษณ์ คู่บ้านคู่เมือง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

การท่องเที่ยวสิงคโปร์ จัดงานใหญ่ ชวนนักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรมกับ "เมอร์ไลอ้อน" สัญลักษณ์ ของประเทศ พร้อมจัดไฟประดับตั้งแต่วันนี้ - 29 กันยายน 2565

ถ้านึกถึง ประเทศสิงคโปร์ เชื่อว่าหลายคนจะนึกถึง สิงโต พ่นน้ำ นามว่า “เมอร์ไลอ้อน” อย่างแน่นอน เพราะเปรียบเสมือน สัญลักษณ์ คู่บ้านคู่เมือง สิงคโปร์ ซึ่งวันนี้ คมชัดลึก ออนไลน์ จะพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับประวัติของสัญลักษณ์สำคัญ ที่ตั้งตระหง่านอยู่คู่กับสิงคโปร์มายาวนาน

 

จุดกำเนิดของ “เมอร์ไลอ้อน” นั้น ไม่ได้มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร แต่มีตำนานเล่าขานกันถึงที่มาของ “เมอร์ไลอ้อน” ว่า เจ้าชายแสง นิลา อุตามา แห่งเมืองพาเล็มบัง (ประเทศอินโดนีเซีย) ผู้ค้นพบท่าเรือสินค้าเก่าแก่ของเมืองเทมาเส็ก ได้เห็นสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้าย สิงโต ตอนที่มาถึงเกาะแห่งนี้ จึงตั้งชื่อเมืองแห่งนี้ขึ้นใหม่ว่า สิงหปุระ หรือ สิงคโปร์ ในปัจจุบัน ซึ่งมีรากศัพท์จากภาษาสันสกฤตคำว่า “สิงห์” และ “ปุระ” ซึ่งแปลว่า เมืองสิงห์ และได้ขนานนามอีกชื่อว่า “เมอร์ไลอ้อน” ที่เกิดจากคำว่า “Mer” ที่แปลว่า ทะเล และ Lion ที่แปลว่า สิงโต

โลโก้ดั้งเดิมของการท่องเที่ยวสิงคโปร์ (เครดิตภาพ การท่องเที่ยวสิงคโปร์)

ต่อมาในปี 2507 สัตว์ในตำนานที่มีหัวเป็น สิงโต และมีลำตัวเป็นปลา ได้ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อเป็นโลโก้ให้กับการท่องเที่ยว สิงคโปร์ โดยการออกแบบได้แรงบันดาลใจมาจากความเป็นหมู่บ้านชาวประมง รวมกับสิงหปุระ (Lion City) เพื่อเป็นการรำลึกถึงช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่เกาะแห่งนี้ได้ถูกค้นพบ โลโก้ “เมอร์ไลอ้อน” ได้จดทะเบียนการค้าเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ.2509 และได้ถูกนำมาใช้เป็นเวลายาวนาน 33 ปี ตั้งแต่นั้น จนถึง พ.ศ.2540

ช่างลิมกำลังแกะสลักรูปปั้นสิงโตทะเลขนาดเล็ก ซึ่งเป็นประติมากรรมต้นแบบเมอร์ไลอ้อนในปัจจุบัน (เครดิตภาพ Lim Nang Seng Collection, courtesy of National Archives of Singapore)

ส่วนรูปปั้น “เมอร์ไลอ้อน” นั้นถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2515 โดยช่างฝีมือชาว สิงคโปร์ ชื่อว่า ลิม นัง เส็ง ใช้แบบร่างโดยศิลปินชื่อ ควาน ไส เคียง เป็นต้นแบบ ส่วนหัว สิงโต และส่วนลำตัวที่เป็นปลาก็มาจากตำนานที่ถูกเล่าส่งต่อมาจากอดีต โดยรูปปั้นสร้างให้หันหน้าออกไปยังท้องทะเลตามหลักฮวงจุ้ย ซึ่งนายช่างลิมที่เป็นปฏิมากรนั้น ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ปั้น “เมอร์ไลอ้อน” หลังจากที่เขาได้รับรางวัลมากมายจากการประกวดแข่งขันที่จัดขึ้นโดย การท่องเที่ยวสิงคโปร์

เมอร์ไลอ้อน

 

แม้แต่คน สิงคโปร์ เองก็อาจจะไม่ทราบว่า ช่างลิม ไม่ได้ปั้น “เมอร์ไลอ้อน” นี้ด้วยตัวคนเดียว แต่ได้รับความช่วยเหลือจากลูกๆ ทั้ง 8 คนของเขา โดยลูกๆ ที่โตหน่อย ก็จะปีนขึ้นไปบนนั่งร้าน และช่วยแกะส่วนตาของ “เมอร์ไลอ้อน” ส่วนน้องเล็กๆ ก็ช่วยกันแกะสลักเกล็ดปลา และครีบในส่วนหางของ “เมอร์ไลอ้อน” ลูกๆ ทุกคนมีความยินดีและภูมิใจที่ได้ช่วยพ่อของพวกเขาทำงานนี้ และไปช่วยงานที่สถานที่ก่อสร้างเกือบทุกวันทั้งก่อนไปโรงเรียนและหลังเลิกเรียน

เมอร์ไลอ้อน

ในวันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2515 อดีตนายกรัฐมนตรี ลี กวน ยู เป็นประธานในพิธีติดตั้งและเผยโฉม “เมอร์ไลอ้อน” อย่างเป็นทางการ ที่ปากแม่น้ำ สิงคโปร์ โดย “เมอร์ไลอ้อน” หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ตามหลังฮวงจุ้ย เชื่อว่าจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่เมือง ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้รูปปั้นเมอร์ไลอ้อน ณ เมอร์ไลอ้อน ปาร์ค กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตของประเทศ สิงคโปร์ ที่รู้จักกันไปทั่วโลก

 

ในปีพ.ศ. 2540 ได้มีการสร้างสะพานเอสพลานาด เพื่ออำนวยความสะดวกทางด้านการจราจรจากตัวเมืองไปยังย่านมารีน่า ซึ่งส่งผลให้ทัศนียภาพของ “เมอร์ไลอ้อน” ถูกบดบัง จึงเป็นสาเหตุให้มีการย้ายที่ตั้งของเมอร์ไลอ้อน ในปี 2545 โดยได้มีการคัดเลือกสถานที่ถึง 8 แห่งที่จะเป็นที่ตั้งแห่งใหม่ของเมอร์ไลอ้อน ก่อนที่จะมีการตัดสินใจให้ย้ายรูปปั้น “เมอร์ไลอ้อน” ไปที่หน้าศูนย์การค้า One Fullerton ซึ่งห่างจากจุดเดิมเพียง 120 เมตร หนึ่งเหตุผลที่สำคัญมากก็คือ เมอร์ไลอ้อนจะต้องตั้งอยู่ใกล้กับปากแม่น้ำสิงคโปร์เท่านั้น เนื่องจากบริเวณนี้ เป็นสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ เพราะเป็นบริเวณที่ เจ้าชายแสง นิลา อุตามา ได้เห็นสัตว์ที่ท่านคิดว่าเป็นสิงโตเป็นครั้งแรกนั่นเอง

เมอร์ไลอ้อน

คุณรู้หรือไม่ว่า รูปปั้น “เมอร์ไลอ้อน” เคยโดนฟ้าผ่ามาก่อน เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2552 เป็นช่วงที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองในตอนบ่ายแก่ๆ ทำให้ชิ้นส่วนบริเวณแผงคอตกลงมา จนเกิดเป็นรูขึ้นที่รูปคลื่นที่ส่วนฐานของรูปปั้น โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว รูปปั้นเมอร์ไลอ้อนถูกปิดไปประมาณ 1 เดือนเพื่อบูรณะซ่อมแซมและติดตั้งระบบป้องกันฟ้าผ่าให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น

 

รูปปั้น “เมอร์ไลอ้อน” ได้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังที่สุดของประเทศสิงคโปร์ ไม่ว่าใครก็ตามที่มาถึง สิงคโปร์ จะต้องไม่พลาดที่จะไปแวะทักทายเจ้าเมอร์ไลอ้อนตัวนี้ ต่อมาในปี 2561 การท่องเที่ยวสิงคโปร์ ได้เปิดตัวการ์ตูนเมอร์ไลอ้อน โดยตั้งชื่อว่า “น้องเมอร์ลี” เพื่อดึงดูดเด็ก ๆ และเยาวชน ซึ่งได้รับความสำเร็จอย่างสูง ความน่ารักของน้องเมอร์ลีก็สามารถครองใจผู้ชมได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่นั้นมาเมอร์ไลอ้อน และน้องเมอร์ลี ก็ทำหน้าที่เล่าขานตำนานที่ผ่านมาในอดีต และพร้อมที่จะสร้างเรื่องราวบทใหม่มากมายเกี่ยวกับเมอร์ไลอ้อน และน้องเมอร์ลี ต่อไป

 

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบศิลปะ ก็สามารถเข้าชมนิทรรศการศิลปะ เกี่ยวกับ “เมอร์ไลอ้อน” ได้ที่หอศิลป์แห่งชาติสิงคโปร์ ในงาน “Nothing is Forever: Rethinking Sculpture in Singapore” และสำหรับผู้ที่สนใจด้านการทำขนมก็สามารถลงทะเบียนเรียนการทำคุกกี้รูปน้องเมอร์ลีกับ RedMan Baking Studio ได้อีกด้วย

 

อัพเดทประเด็นที่เป็นกระแส กับ คมชัดลึก เพิ่มเติม ที่นี่

Twitter - https://twitter.com/Kom_chad_luek

Instagram - https://www.instagram.com/komchadluek_online/

 

คมชัดลึก ลูกทุ่ง Awards 2565 ใครคือ 6 Candidate กับ 8  สาขา Popular Vote  ในครั้งนี้

รู้พร้อมกันที่ คมชัดลึก ทุก Platform

(https://awards.komchadluek.net/#)

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ