Lifestyle

30 ปี "วัดพระบาทน้ำพุ" ในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะปราง จากโครงการ หลวงพ่ออลงกต

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"วัดพระบาทน้ำพุ" กับ 30 ปี ในการขับเคลื่อนการดูแลผู้ป่วย "โรคเอดส์" เด็กกำพร้า เด็กป่วย ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบางในการดูแลของวัด และโครงการในอนาคต ของ "หลวงพ่ออลงกต" ในการสร้างเมืองผู้สูงอายุ และที่พักพิงแก่คนเร่ร่อน จากแรงศรัทธาและสายธารน้ำใจของคนไทย

ย้อนกลับไปจากการเริ่มต้นในการดูแล รักษา ตลอดจนฟื้นฟู ผู้ป่วยจาก "โรคเอดส์" ตั้งแต่ปี 2535 จากเรื่องเอดส์ ผลกระทบที่ตามมาคือเด็กกำพร้าที่ได้รับผลกระทบจากพ่อแม่ที่ป่วยจาก "โรคเอดส์"

 

พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ "หลวงพ่ออลงกต" เจ้าอาวาส "วัดพระบาทน้ำพุ" ให้สัมภาษณ์กับคมชัดลึกออนไลน์ ถึงโครงการการดูแลกลุ่มเปราะบางของ "วัดพระบาทน้ำพุ" ตลอด 30 ปี ที่ผ่านมา ว่า ในช่วงก่อนปี 2540  "วัดพระบาทน้ำพุ" มีเด็กที่ได้รับผลกระทบจาก "โรคเอดส์" เป็นหลักร้อยคน ที่มากับพ่อแม่ที่ป่วย ซึ่งเด็กเหล่านี้ล้วนต้องได้รับการศึกษา "หลวงพ่ออลงกต" ได้ส่งให้ไปเรียนในโรงเรียนในหมู่บ้านใกล้เคียง "วัดพระบาทน้ำพุ" แต่ในขณะนั้นเกิดปัญหาชาวบ้านไม่ยอมรับ เด็กๆ ถูกรังแกจนทำให้ไม่อยากไปโรงเรียน "หลวงพ่ออลงกต" จึงมีความคิดในการสร้างโรงเรียนให้เด็กๆเหล่านี้ โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวง ร.9  ทรงมีพระราชดำริให้จัดสร้างโรงเรียน ซึ่งนับเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กที่ป่วยเป็น "โรคเอดส์" แห่งแรกของโลกก็ว่าได้ โดยโรงเรียนแห่งนี้รับนักเรียนเฉพาะเด็กที่เกิดจากพ่อแม่ที่ป่วยเป็น "โรคเอดส์" และทรงพระราชทานชื่อโรงเรียนว่าโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ที่ 33 โดยในปัจจุบันมีเด็กนักเรียนในโรงเรียนแห่งนี้เกือบ 1,000 คน

หลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ

ไม่เพียงแค่เด็กที่ได้รับผลกระทบจาก "โรคเอดส์" ผู้สูงอายุก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากในสมัยนั้นผู้ป่วยบางราย ไม่มีพ่อ แม่ แต่อาศัยอยู่กับตา ยาย หรือผู้สูงอายุในบ้าน แต่เมื่อป่วยเป็น "โรคเอดส์" ผู้ป่วยบางรายได้มาขออนุญาต "หลวงพ่ออลงกต" เพื่อที่จะพาผู้สูงอายุเหล่านั้นมาอาศัยอยู่ที่วัดด้วยกัน เนื่องจากบางรายลูกหลานที่ป่วยเป็นเสาหลักของบ้าน เป็นผู้หาเลี้ยงผู้สูงอายุเหล่านั้น เมื่อไม่มีงานทำ ก็ส่งผลกระทบต่อผู้สูงอายุในบ้าน และ "หลวงพ่ออลงกต" ท่านก็เห็นแก่กำลังใจของผู้ป่วย จึงได้อนุญาตให้พาผู้สูงอายุเข้ามาอาศัยอยู่ในวัด นั่นจึงเป็นที่มาของการรับดูแลผู้สูงอายุ ที่ได้รับผลกระทบจาก "โรคเอดส์"

ซึ่งปัจจุบันการดูแลผู้สูงอายุ กลายเป็นงานที่ขยายตัวเร็วกว่ากลุ่มเปราะบางอื่น เพราะในปัจจุบัน "วัดพระบาทน้ำพุ" ไม่ได้รับดูแลเพียงแค่ผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากเอดส์ แต่ยังรับดูแลผู้สูงอายุที่ไม่มีลูกหลาน จึงนับเป็นอีกหนึ่งงานหลักของ "วัดพระบาทน้ำพุ" ในการดูแลกลุ่มเปราะบาง

หลวงพ่ออลงกต  วัดพระบาทน้ำพุ

และนอกจากการดูแลผู้ป่วย "โรคเอดส์" เด็กกำพร้า เด็กที่ได้รับผลกระทบจาก "โรคเอดส์" และผู้สูงอายุแล้ว ปัจจุบัน "วัดพระบาทน้ำพุ" ยังได้รับดูแล และช่วยเหลือผู้พิการ ที่อยู่รอบ "วัดพระบาทน้ำพุ" ในทุกหมู่บ้านด้วย ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ผูกพัน

 

โดยในทุก ๆ เช้า "วัดพระบาทน้ำพุ" จะจัดปิ่นโตอาหาร จำนวน 170 เถาออกไปส่งให้ผู้สูงอายุคนชราผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียงในทุกๆวันซึ่งทำมาหลายปีแล้ว

"หลวงพ่ออลงกต" กล่าวด้วยว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ถือว่าได้บุญมาก โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่มีผู้ได้รับความเดือดร้อน บางรายแม้จะกินยังไม่มี ดังนั้นโครงการนี้จึงเป็นโครงการที่ทำให้คนเหมือนรอดตาย

อีกหนึ่งเรื่องใหญ่ที่สำคัญในการดูแลกลุ่มเปราะบาง นั่นคือเรื่องของการส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ป่วยเอดส์ เนื่องจาก 30 ปีที่ผ่านมา "หลวงพ่ออลงกต" ได้เห็นถึงปัญหา สำคัญของผู้ป่วย "โรคเอดส์" ที่ได้รับการรักษาและฟื้นฟูแล้วไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ ไปทำงานที่ไหนก็ไม่ได้ พอรู้ว่าเป็นผู้ป่วยเอดส์ก็ไม่มีคนรับเข้าทำงาน จึงเป็นที่มาของโครงการสร้างอาชีพให้คนกลุ่มนี้ โดยเฉพาะงานทางด้านเกษตรกรรม โดยมีการจัดสร้างไร่ใจฟ้า หรือฟาร์มใจฟ้า ที่มีการปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ต่างๆ  เพื่อให้เกิดเป็นอาชีพและเกิดรายได้ให้กับกลุ่มผู้ป่วย ซึ่งโครงการนี้ "หลวงพ่ออลงกต" ได้สร้างขึ้นมาในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ด้วย "หลวงพ่ออลงกต" มองว่าผู้ป่วยที่แข็งแรงแล้ว หากแม้จะไม่กลับบ้าน แต่ก็ควรอยู่อย่างมีคุณค่า และไม่เป็นภาระจนเกินไป ซึ่งงานหนักของ "วัดพระบาทน้ำพุ" ในขณะนี้ นั่นก็คือเรื่องของการสร้างอาชีพ

30 ปี \"วัดพระบาทน้ำพุ\" ในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะปราง จากโครงการ หลวงพ่ออลงกต

ในช่วงวิกฤตโควิด 19 ที่ผ่านมานับเป็นพายุลูกใหญ่ของ "วัดพระบาทน้ำพุ" เฉกเช่นเดียวกับ ทุกที่บนโลก ก่อนมีโควิด มีสาธุชน ชาวบ้านและผู้ใจบุญ เดินทางมาทำบุญกับ "วัดพระบาทน้ำพุ" เป็นจำนวนมากแต่เมื่อเกิดโควิดระบาด  บางวันไม่มีคนเข้าวัดเลยสักคน โชคดีที่ "วัดพระบาทน้ำพุ" มีการวางโครงสร้างฐานรากที่แข็งแรงมาก มีมูลนิธิธรรมรักษ์ ที่เป็นเสาหลัก จึงสามารถระดมทุนความช่วยเหลือต่างๆ จากลูกศิษย์ได้ผ่านทางมูลนิธิ สามารถทำให้ "วัดพระบาทน้ำพุ" อยู่กับโควิดได้อย่างรอด แต่ปีที่ผ่านมา "วัดพระบาทน้ำพุ" ต้องเปิดโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด ขนาด 400 เตียง จากที่ไม่มี อะไรเลยก็ต้องมาสร้างอาคาร ห้องพยาบาลห้องแพทย์ ห้องเอกซเรย์ ห้องพักผู้ป่วยและห้องน้ำ นั่นเป็นเหตุให้ "วัดพระบาทน้ำพุ" ต้องแบกรับภาระอยู่พักใหญ่ โชคดีที่มีลูกศิษย์ลูกหา เข้ามาช่วยเหลืออย่างเต็มที่ นับได้ว่า "วัดพระบาทน้ำพุ" อยู่ได้ด้วยศรัทธาของประชาชนอย่างแท้จริง



ไม่เพียงแค่กลุ่มเปราะบางเท่านั้น แต่ "วัดพระบาทน้ำพุ" ยังได้รับช่วยเหลือสัตว์ต่างๆ กว่า 2 พันชีวิต มีสุนัขอยู่ราว 2 พันตัว แมวอีกราว 500 ตัว โดยเริ่มมาจากเมื่อครั้งที่มีการ set Zero สุนัขและแมวในกรุงเทพฯ จึงเป็นเหตุให้ต้องมีการสร้างเมืองสุนัขและแมวหรือ Dog City ในจังหวัดลพบุรี โดยมีประชาชนนำสุนัขและแมวมาให้หลวงพ่อดูแลเป็นจำนวนมาก  กลายเป็นอีกภารกิจหลักของ "วัดพระบาทน้ำพุ" และที่น่าหนักใจมากที่สุดคือ เหล่าบรรดาฝูงลิงที่มาอาศัยอยู่ที่วัดราว 500 - 600 ตัว ที่ย้ายถิ่นฐานมาจากในเมืองลพบุรี มาอาศัยอยู่ที่ "วัดพระบาทน้ำพุ" จนกลายเป็นลิงฝูงใหญ่ เนื่องจากอยู่อย่างไม่อดอยาก ไม่เหมือนลิงในเมืองลพบุรี ด้วยความซนของลิงเหล่านี้ทำให้สิ่งปลูกสร้างในวัดมีการชำรุดเสียหาย "หลวงพ่ออลงกต" จึงได้จัดพื้นที่ สำหรับให้อาหารและเป็นพื้นที่เล่นให้สำหรับลิงโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้มาสร้างความเสียหายให้กับวัดอีก จึงได้สร้างเมืองลิงขึ้น

และล่าสุด "หลวงพ่ออลงกต" เพิ่งจะมีอีกหนึ่งโครงการที่ประกาศอย่างเป็นทางการในการช่วยเหลือแม่ที่ตั้งครรภ์ให้ได้รับโภชนาการทางด้านอาหารอย่างครบถ้วน โดยเริ่มมาจาก "หลวงพ่ออลงกต" ได้ทราบมาจากนักโภชนา การว่ามีงานวิจัยว่า หญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน จะส่งผลต่อลูกในท้องที่อาจจะเติบโตมากลายเป็นอาชญากร โดยมีสาเหตุมาจากเมื่อเด็กอยู่ในท้องหากไม่ได้รับสารอาหารพวกโปรตีน หรือสารอาหารที่ครบถ้วน จะส่งผลกระทบต่อสมอง สัญชาติญาณความเป็นมนุษย์ต่ำกว่าปกติ ส่งผลให้เด็กกลายเป็นคนก้าวร้าว และอาจจะเติบโตขึ้นเป็นอาชญากร  จึงได้มีโครงการส่งไข่ต้มและนมจืด ให้กับหญิงตั้งครรภ์ ในเขตการดูแลของ "วัดพระบาทน้ำพุ" โดยมีการเลี้ยงวัวนมแล้วนำน้ำนมที่ได้ แปลงมาเป็นนมจืดส่งให้กับหญิงตั้งครรภ์ และนำไข่จากไก่ที่เลี้ยงอยู่ภายในไร่ใจฟ้า มาส่งให้กับแม่ๆที่ตั้งครรภ์ที่กำลังลำบากได้รับประทานในทุกวัน 

และเป้าหมายใหญ่ของ "หลวงพ่ออลงกต" เจ้าอาวาส "วัดพระบาทน้ำพุ" คือการสร้างเมืองผู้สูงอายุ เนื่องจากประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ส่งผลให้มีผู้สูงอายุมากขึ้น และจำนวนไม่น้อยที่ผู้สูงอายุเหล่านั้นไม่มีลูกหลานคอยดูแล จึงมุ่งหวังที่จะสร้างเมื่อผู้สูงอายุ ให้ผู้สูงอายุได้เข้ามาอาศัย เมืองที่มีทั้งเพื่อน และมีโอกาสที่จะได้ทำงาน รวมไปถึงการดูแลจากหมอและพยาบาล โดยงานที่ผู้สูงอายุในเมืองผู้สูงอายุได้ทำนั้นจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ ที่กลับมาเป็นปัจจัยในการดูแลกลุ่มเปราะบางของ "วัดพระบาทน้ำพุ" อีกทางหนึ่ง เพื่อให้ "วัดพระบาทน้ำพุ" สามารถพึ่งพาตนเองในการขับเคลื่อนการดูแลกลุ่มเปราะบาง โดย "หลวงพ่ออลงกต" ไม่เคยหยุดปฏิบัติงานแม้แต่วันเดียว ซึ่งนั่นทำให้หลวงพ่อได้เข้าใจถึงปัญหา และวิธีแก้ในการดูแลสังคมส่วนหนึ่ง

30 ปี \"วัดพระบาทน้ำพุ\" ในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะปราง จากโครงการ หลวงพ่ออลงกต

"หลวงพ่ออลงกต" วัดพระบาทน้ำพุ กล่าวด้วยว่า 30 ปีที่ผ่านมาพึงพอใจในการทำงานของ "วัดพระบาทน้ำพุ" ที่ปัจจุบันนับว่ากลายเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ที่แม้ตลอดเส้นทางการเดินทาง อาจจะมีเซบ้างแต่ไม่เคยล้ม หลวงพ่อเชื่อว่าสิ่งที่ "วัดพระบาทน้ำพุ" ทำจะทำให้คนในประเทศไทยได้เห็นถึงกิจกรรม ดีๆที่ทำให้คนได้เข้ามาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และในโครงการข้างหน้าที่ หลวงพ่อได้มองไว้ คือการช่วยเหลือคนเร่ร่อน ในกรุงเทพมหานคร โดยมีความคิดในการสร้าง shelter ที่พักสำหรับคนเร่ร่อน ซึ่งปัจจุบันเหล่าอาสาสมัครของ "วัดพระบาทน้ำพุ" ได้มีการเข้ามาช่วยเหลือแล้วในบางส่วน โดยการขับรถตระเวนช่วยเหลือกลุ่มคนเร่ร่อน ในการนำอาหาร น้ำดื่ม และของใช้จำเป็น ให้กับกลุ่มคนเร่ร่อนตามท้องถนน และการสร้าง shelter นี้ไม่เพียงแค่ให้ที่พักพิงแก่กลุ่มคนได้ร่อนแต่ยังสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนกลุ่มนี้อีกด้วย และยังส่งเสริมเรื่องของธรรมะ เพื่อให้กล่อมเกลาจิตใจของคนกลุ่มนี้  โดย "หลวงพ่ออลงกต" มีความตั้งใจที่จะเข้าไปหารือกับคุณชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อนในกรุงเทพมหานคร

"หลวงพ่ออลงกต" ได้ฝากคำขอบคุณถึงคนไทยทุกคน 30 ปีที่ผ่านมา "วัดพระบาทน้ำพุ" ดูแลผู้ป่วยมาได้ด้วยดี ด้วยแรงศรัทธา และน้ำใจจากคนไทยทั้งประเทศ ทำให้ประเทศไทยได้รับการยกย่อง ว่าเป็นเมืองที่ดูแลผู้ป่วยเอดส์ได้ดีที่สุด ด้วยสายธารบุญและน้ำใจของคนไทย ที่นับเป็นสิ่งที่วิเศษที่มีอยู่ในประเทศไทยของเรา แต่หลวงพ่อยังมีโครงการที่จะดูแลไปอีกข้างหน้า 30 ปี เนื่องจากปัญหาของโรคเอดส์ก็ยังไม่จบสิ้นเด็กที่ดูแลก็กำลังเติบโตรวมไปถึงผู้สูงอายุที่นับวันยิ่งมีมากขึ้น

กฐินสามัคคี 30 ปี วัดพระบาทน้ำพุ

ร่วมบุญกับทางวัดพระบาทน้ำพุ

ช่องทางการทำบุญ กับหลวงพ่ออลงกต

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ