เปิดลิสต์เมนูไฮไลต์! สัมผัสประสบการณ์ Fine Dining ระดับโลก | คมชัดลึก

 

วงการอาหารจีนในกรุงเทพฯ ก้าวเข้าสู่มิติใหม่แห่งรสชาติที่น่าตื่นเต้น! Chai Jia Chai (ไชย เจีย ชัย) ร้านอาหารจีนร่วมสมัยชื่อดังในซอยสุขุมวิท 31 เตรียมจัดงานสุดพิเศษที่พลาดไม่ได้ ด้วยการผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่าง เชฟไช่ ซื่อ เหว่ย (Chef Tsai Shih Wei) เชฟเจ้าของและผู้ก่อตั้ง Chai Jia Chai และ เชฟนากะ เซียง (Chef Naka Xiong) หัวหน้าเชฟจาก Odette ร้านอาหารระดับ 3 ดาวมิชลินและหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดของโลกจากประเทศสิงคโปร์

 

 

 

พานักชิมทุกท่านย้อนรอยไปสู่แรงบันดาลใจจากงานเลี้ยงระดับตำนานอย่าง "แมนจู-ฮั่น" (Manchu-Han banquet) ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความยิ่งใหญ่และความหลากหลายของเมนู โดยเชฟทั้งสองจะนำวัตถุดิบหายากและทรงคุณค่ามารังสรรค์เป็นจานเด็ดที่ผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับเทคนิคการทำอาหารจีนสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ไม่เพียงเท่านั้น ประสบการณ์การรับประทานอาหารสุดพิเศษนี้ยังได้รับการเติมเต็มด้วยการจับคู่อาหารและไวน์อันน่าตื่นตาตื่นใจ โดย เลสลีย์ หลิว (Lesley Liu) หัวหน้าซอมเมอลิเยร์มือฉมังจาก Odette ที่จะมาร่วมสร้างสรรค์มิติใหม่ของรสชาติ ให้แต่ละคำของอาหารจีนสุดประณีตนี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

 

 

 

เปิดลิสต์เมนูไฮไลต์! สัมผัสประสบการณ์ Fine Dining ระดับโลกที่ Chai Jia Chai รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันจากวัตถุดิบชั้นเลิศ ผสานเทคนิคจากเชฟระดับมิชลิน และตำนานอาหารอันยิ่งใหญ่ จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย!

 

 

 

 

Laoqi Kunlun: สลัดหนังปลามังกรเก๋าตำนาน เมนูนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเทือกเขาคุนหลุน ผสมผสานหนังปลามังกรเก๋าจากปัตตานีที่ผึ่งลม 30 วัน จนได้ผิวสัมผัสคล้ายเกล็ดมังกร คลุกเคล้ากับเครื่องเคียงแบบสลัดปลาดิบกวางตุ้ง “โล หยู เซิง” และเดรสซิ่ง น้ำส้มสายชูองุ่นอิตาลีบ่ม 20 ปี และน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น ที่ลงตัวสุดๆ

 

 

Lotus Four Herbs Fish Maw Soup: ซุปกระเพาะปลาตำรับสี่สมุนไพร ซุปบำรุงสุขภาพตามตำนานสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง ที่รวมสุดยอดวัตถุดิบอย่างกระเพาะปลา หอยเชลล์แห้ง ตังกุย โสม และธัญพืชต่างๆ เคี่ยวจนได้รสชาติเข้มข้น หอมมัน ดื่มแล้วชื่นใจแน่นอน

 

 

Langoustine Ravioli: ฮะเก๋าล็องกูสตินยกระดับ ราวิโอลีกุ้งล็องกูสตินหวานฉ่ำ ห่อหุ้มด้วยแผ่นแป้งนุ่มละมุน คล้ายฮะเก๋าแต่เหนือกว่า! เสริมรสด้วย ไวน์เหลือง Vin jaune จากฝรั่งเศส ปลาโอแห้งรมควัน ฟองดูต้นหอม พริกไทยกำปอต และปิดท้ายความหรูหราด้วย เห็ดทรัฟเฟิลดำจากออสเตรเลีย

 

 

 

 

 

15-Head Abalone with Porcini Mushrooms: หอยเป๋าฮื้อ 15 หัว กับเห็ดพอร์ชินี หอยเป๋าฮื้อขนาดพรีเมียมจากแอฟริกาใต้ ที่ผ่านกรรมวิธีตากแดด 8 เดือน บ่ม 3 ปี และเคี่ยว 3 วันเต็ม จนได้เนื้อสัมผัสแบบ “soft-center” นุ่มหนึบดุจคาราเมล เสิร์ฟพร้อม เห็ดพอร์ชินีพรีเมียมจากเชียงใหม่ ผสมผสานเทคนิคตะวันตกและตะวันออกได้อย่างไร้ที่ติ

 

 

Wagyu Beef: วากิว A5 ซอสมาล่ามิโซะ เนื้อวากิวเกรด A5 บ่มแห้ง ปรุงรสด้วยหมาล่า และหมักต่อด้วย มิโซะคาราเมลจากเกียวโต เสิร์ฟพร้อมข้าวโพดหวานจากฮอกไกโด และโกโบดอง เป็นการรวมตัวของรสชาติที่ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ

 

 

Thai Crab Rice Soup: ข้าวต้มปูไทยสไตล์ไต้หวัน ข้าวต้มปูทะเลธรรมชาติจากสุราษฎร์ธานี เคี่ยวนานกว่า 8 ชั่วโมงกับเปลือกส้มจีนตากแห้งกวางตุ้ง และพริกไทยขาว ได้รสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นทะเล และผสานกลิ่นอายความอบอุ่นแบบข้าวต้มไต้หวัน

 

 

Grain de Cafe: ทิรามิสุสไตล์ Odette ปิดท้ายค่ำคืนด้วยของหวานสุดพิเศษ "Grain de Cafe" ซึ่งคือทิรามิสุในแบบฉบับของ Odette ที่มีความหมายว่า "เมล็ดกาแฟ" รังสรรค์จากตูเลคาเคาบัควีท เค้กกาแฟชุ่มฉ่ำ มูสมาสคาร์โปนเนื้อเบา และถั่วพีแคน ที่มอบความหลากหลายของเนื้อสัมผัสได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

 

 

 

เบื้องหลังความสำเร็จ:ทีมงานผู้รังสรรค์

 

 

Chai Jia Chai (ไช่ เจีย ไช่) เปิดให้บริการในปี 2021 บนถนนสุขุมวิท ซอย 31 ใจกลางกรุงเทพฯ โดย "ไช่" ตัวแรกในชื่อคือชื่อของเขา "ไช่" ตัวที่สองหมายถึงจานอาหาร และ "เจีย" หมายถึงบ้าน ดังที่ชื่อบ่งบอก ที่นี่จึงเปรียบเสมือนการมาทานอาหารที่บ้านของเชฟ ที่ซึ่งการเดินทางทางอาหารอันครอบคลุมจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อนักชิมได้สัมผัสกับอาหารจีนหลากหลายประเภท วัตถุดิบอันล้ำค่าและท้าทายอย่างกระดูกและเอ็นปลาสเตอร์เจียน รวมถึงหนังปลามังกรเก๋าแห้ง ถูกนำเสนอในเมนูและสูตรอาหารที่ครั้งหนึ่งเคยสงวนไว้สำหรับราชวงศ์ เชฟไช่ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่แนวเดียว แต่ตั้งเป้าที่จะใช้ประสบการณ์ที่ได้รับจากการเป็นลูกศิษย์อย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจถึงความลึกซึ้งและกว้างขวางของศาสตร์อาหารจีน

 

 

 

เชฟไช่ ซื่อ เหว่ย (Chef Tsai Shih Wei)  : แม้ว่าพ่อแม่จะไม่เห็นด้วย แต่เชฟไช่ ก็ยังคงมุ่งมั่นเดินตามความฝันในการทำอาหาร เขาเริ่มต้นอาชีพในครัวที่ Zhujiang Banquet ร้านอาหารชื่อดังในไทเป โดยทำงานอย่างหนัก ทั้งการหั่น การเตรียมวัตถุดิบ การล้าง  สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาได้เรียนรู้และเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากร้านอาหารแห่งนี้เสิร์ฟได้มากถึง 300 โต๊ะต่อวัน

เมื่อเชฟไช่พบเจออาหารจานอร่อย เขาจะพยายามเป็นลูกศิษย์และเรียนรู้จากเชฟผู้เชี่ยวชาญ “ย้อนกลับไปตอนนั้น มีแค่หนังสือและการฝึกงานเท่านั้นที่ผมเรียนรู้จากมัน” เขากล่าว  อาหารจานแรกที่น่าจดจำของเขา คือไข่เจียวหัวไชโป๊ว ซึ่งเกิดเพลิงไหม้จากการรวมกันโดยไม่ได้ตั้งใจของน้ำมันและน้ำ จนทำให้ไข่ไหม้และเส้นผมของเขาบางส่วน

ต่อมา เชฟไช่ ได้ออกเดินทางสู่สากลในปี 2558 โดยเข้ารับตำแหน่งในครัวที่ออสเตรเลีย โปแลนด์ และจีน เขาได้ไต่เต้าในตำแหน่งหน้าที่ และได้รับตำแหน่งผู้นำอย่างเป็นทางการสองทศวรรษหลังจากเหตุการณ์ไข่เจียวหัวไชโป๊วอันร้อนระอุ ในที่สุด โอกาสก็มาถึง และเชฟไช่  ก็ได้เปิดร้านอาหารแห่งแรกของเขาในกรุงเทพฯ ประเทศไทย 

 

 

 

เชฟเซิง เซียง หรือเชฟนากะ เซียง ชาวสิงคโปร์ : เชฟใช้เวลากว่าทศวรรษภายใต้การนำของเชฟจูเลียน ไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าเชฟที่ Odette เชฟเซิง เซียง เติบโตมาใกล้กับมหาสมุทร ใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ช่วยงานฟาร์มปลาของพ่อ และออกทริปตกปลาเป็นประจำตามเกาะใกล้เคียง สิ่งนี้ได้บ่มเพาะความรักในท้องทะเล และปลูกฝังความหลงใหลในอาหารทะเลและการปฏิบัติอย่างมีจริยธรรมที่เขายังคงยึดถือมาจนถึงทุกวันนี้

ในปี 2553 เขาเริ่มต้นอาชีพในฐานะพนักงานฝึกหัดที่ Brasserie Les Saveurs ในโรงแรม St. Regis Singapore ซึ่งเป็นที่แรกที่เขาได้พบกับเชฟจูเลียน รอยเยอร์ และในที่สุดก็ได้ย้ายไปทำงานกับเขาที่ JAAN และไต่เต้าขึ้นไป

เชฟเซิง เซียง อยู่กับทีมงานมาตั้งแต่ Odette ก่อตั้งขึ้น โดยนำความเชี่ยวชาญและทิศทางในการบริการและการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเมนูอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การดูแลของเชฟจูเลียน เขาได้พัฒนาแนวทางการทำอาหารที่เรียบง่าย โดยได้รับอิทธิพลจากมรดกเอเชียและการฝึกฝนด้านอาหารฝรั่งเศสสมัยใหม่

 

 

 

เลสลีย์ หลิว (Lesley Liu) : เป็นซอมเมอลิเยร์มากประสบการณ์ที่มีอาชีพที่โดดเด่นในวงการอาหารชั้นเลิศทั่วเอเชีย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าซอมเมอลิเยร์ที่ร้าน Odette ซึ่งได้รับ 3 ดาวมิชลิน เธอมีประสบการณ์ยาวนานกว่าทศวรรษจากสถานประกอบการที่มีชื่อเสียงมากมาย รวมถึง Maison Lameloise Shanghai และ Le Moût เลสลีย์ได้รับรางวัล Tatler Best Sommelier ประจำปี 2025 และเป็นแชมป์สองสมัยของ Sopexa Singapore’s Best Sommelier in French Wines เธอได้รับใบรับรอง Advanced Certificate จาก Court of Master Sommeliers และยังได้รับการรับรองความเชี่ยวชาญด้านไวน์ฝรั่งเศส สเปน และอิตาลี อีกทั้ง เลสลีย์เป็นที่รู้จักในด้านความเป็นผู้นำที่สงบและมีความรู้ด้านไวน์อย่างลึกซึ้ง เธอจึงยังคงเป็นผู้มีอิทธิพลที่ได้รับการยอมรับในชุมชนซอมเมอลิเยร์แห่งเอเชีย

 

 

การร่วมมือกันครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง สำหรับนักชิมที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ไฟน์ไดนิ่งที่ผสานความเป็นตะวันออกและตะวันตกเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกล่อม พร้อมการรังสรรค์เมนูจากวัตถุดิบที่ดีที่สุดแห่งฤดูกาล และการบริการระดับโลก เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางทางอาหารที่ไม่ใช่แค่การเติมเต็มความหิว แต่เป็นการเปิดโลกแห่งรสชาติและเรื่องราวอันน่าประทับใจ ณ Chai Jia Chai!