
เช็กอาการด่วน! ปวดหัวตรงไหน บอกโรคอะไรได้บ้าง และวิธีดูแลเบื้องต้น
เช็กอาการด่วน! ปวดหัวตรงไหน บอกโรคอะไรได้บ้าง "หมอเจด" แนะวิธี ดูแลตัวเองเบื้องต้น หากเป็นบ่อยจนรบกวนชีวิต ต้องรีบปรึกษาแพทย์
"หมอเจด" หรือ นายแพทย์ เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า ปวดหัวตรงไหน บอกโรคอะไรได้บ้าง เช็กอาการด่วน
เชื่อว่าอาการปวดหัว คนเป็นกันเยอะนะ จริง ๆ แล้ว การปวดหัวแต่ละแบบมันไม่ได้เหมือนกันนะ เพราะตำแหน่งที่ปวดบอกอะไรได้หลายอย่าง เดี๋ยวอธิบายให้ฟังนะว่า “ปวดหัวตรงไหน คิดถึงอะไร?” พร้อมวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้น เอาไว้เป็นแนวทาง ถ้าใครปวดบ่อย ๆ จะได้เช็กตัวเองได้
1. ปวดหัวหน้าผาก ขมับ 2 ข้าง
เคยเป็นไหมครับ นั่งทำงานหรือเรียนมาทั้งวัน รู้สึกตึง ๆ หนัก ๆ ตรงหน้าผาก ขมับทั้งสองข้าง บางทีก็ลามไปถึงคอและบ่าเลย อันนี้เรียกว่า "Tension-type Headache" หรือปวดหัวจากความเครียดนั่นแหละ
สาเหตุหลัก ๆ ของการปวดแบบนี้ก็มาจากความเครียด การนั่งหลังค่อมจ้องคอมพิวเตอร์นาน ๆ หรือพักผ่อนไม่พอ ซึ่งมันทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอและหนังศีรษะตึงตัว พอตึงมาก ๆ ก็ปวดหัว บางทีก็รู้สึกเหมือนหัวโดนรัดด้วยสายยาง
วิธีแก้คือ ถ้าเป็นแบบนี้ลองพักสายตาบ้าง ทุกชั่วโมงควรลุกไปยืดเส้นยืดสาย นวดขมับเบา ๆ หรือใช้วิธีหายใจลึก ๆ ช้า ๆ ผ่อนคลายความเครียดให้ตัวเอง ถ้าไม่ไหวจริง ๆ กินยาพาราเซตามอลสักเม็ดก็ช่วยได้ แต่อย่าปล่อยให้มันเรื้อรังนะ ถ้าปวดหัวบ่อยเกินไป ควรปรึกษาหมอ เพราะบางทีมันอาจมีปัญหาเรื่องสารเคมีในสมอง อย่าง เซโรโทนิน (Serotonin) ที่ไม่สมดุลก็ได้นะ
2. ปวดหัวข้างเดียว ปวดรอบดวงตา
อาการนี้เจอบ่อย ถ้าใครเคยปวดหัวข้างเดียวแบบตุบ ๆ ร้าว ๆ ต้องระวังนะครับ อันนี้เป็นอาการขอ ไมเกรน (Migraine) ไมเกรนไม่ใช่แค่ปวดหัวธรรมดานะ บางคนเป็นหนัก ๆ ถึงขั้นคลื่นไส้ อาเจียน หรือเห็นแสงสว่างวูบวาบ (Aura) ร่วมด้วย ซึ่งมันเกิดจากหลอดเลือดในสมองขยายตัวผิดปกติ บวกกับการปล่อยสารเคมีอย่าง CGRP (Calcitonin Gene-Related Peptide) ที่ทำให้เกิดการอักเสบและความปวด คนที่เป็นไมเกรนต้องระวังสิ่งกระตุ้นไมเกรน
- นอนดึกหรือนอนไม่พอ
- ความเครียดสะสม
- แสงจ้า ๆ หรือเสียงดัง ๆ
- อาหารบางชนิด เช่น ชีส คาเฟอีน หรือของหวานจัด
ถ้ารู้สึกว่าไมเกรนกำลังจะมา รีบหาที่เงียบ ๆ มืด ๆ แล้วนอนพักเลยครับ ยิ่งเริ่มพักไว อาการจะเบาลง แต่ถ้าเป็นบ่อยมากควรไปหาหมอให้สั่งยากลุ่ม Triptans ซึ่งออกฤทธิ์เฉพาะกับไมเกรนครับ
3. ปวดแก้ม โหนกแก้ม ดั้งจมูก
ถ้ารู้สึกปวดแน่น ๆ ที่โหนกแก้ม รอบ ๆ ดั้งจมูก แล้วมีน้ำมูกข้น ๆ หายใจไม่ค่อยออก อันนี้ต้องคิดถึง ไซนัสอักเสบ (Sinusitis) โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรียในโพรงไซนัส ทำให้น้ำมูกค้างอยู่ข้างใน กดทับเป็นแรงดันออกมาที่หน้าแก้มและหน้าผาก แถมบางคนพอเวลาต้องก้มหน้า แรงดันทำให้เอาปวดจี๊ดได้เลย ถ้ามีอาการแบบนี้ ลองดื่มน้ำอุ่น ๆ เยอะ ๆ ช่วยให้น้ำมูกไม่ข้นเกินไป แต่ถ้าปวดหนัก น้ำมูกเขียว แนะนำไปหาหมอดีกว่า เพราะบางทีอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะ
4. ปวดหน้าผากและเบ้าตา
ถ้าปวดตื้อ ๆ ตรงหน้าผาก ลามไปถึงเบ้าตา อาการแบบนี้เกิดจากการใช้สายตาหนัก ๆ ครับ เช่น จ้องมือถือหรือคอมพิวเตอร์นานเกินไป หรืออาจเกิดจาก กล้ามเนื้อกรามอักเสบ (TMD) ซึ่งบางคนไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองชอบกัดฟันเวลานอน
วิธีสังเกตง่าย ๆ คือ ถ้าเคี้ยวของเหนียว ๆ แล้วเจ็บ หรืออ้าปากกว้างแล้วปวดร้าวมาที่หัว แสดงว่ากล้ามเนื้อกรามทำงานหนักครับ แก้ได้ด้วยการ
- พักสายตาทุก ๆ 20 นาที มองไปไกล ๆ สัก 20 วินาที
- ลดการเคี้ยวอาหารแข็ง ๆ เหนียว ๆ อย่างหมากฝรั่ง
- ประคบร้อนบริเวณขากรรไกรและนวดเบา ๆ ช่วยได้ดี
5. ปวดหัวรุนแรง เห็นภาพซ้อน – สัญญาณอันตรายต้องรีบหาหมอ
อันนี้ขอเตือนเลยนะครับ ถ้าใครปวดหัวรุนแรงแบบทนไม่ไหว เหมือนโดนทุบหัว และมีอาการอื่น ๆ อย่างแขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด หรือเห็นภาพซ้อน รีบไปโรงพยาบาลด่วนเลยครับ เพราะอาการแบบนี้อาจเป็นสัญญาณของ หลอดเลือดสมองแตก หรือสมองขาดเลือดได้
การปวดแบบนี้อันตรายมาก เพราะมันเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของหลอดเลือดในสมอง เช่น ภาวะสมองขาดเลือด (Stroke) หรือเลือดออกในสมอง
หมอเจด ยังฝากทุกคนดูแลตัวเองกันด้วยนะครับ สิ่งสำคัญคือ ถ้าอาการปวดหัวมันแปลก ๆ ปวดหนักขึ้น หรือเป็นบ่อยจนรบกวนชีวิตประจำวัน อย่าปล่อยทิ้งไว้ รีบปรึกษาหมอให้ไวเลยดีกว่า เพราะบางทีมันอาจเป็นสัญญาณเตือนโรคอื่น ๆ ที่เราคาดไม่ถึงก็ได้