
รู้จักโรคซิฟิลิสติดต่อทางไหน ภาวะแทรกซ้อน รักษาหายขาดหรือไม่
อยากกินแซ่บต้องระวัง! รู้จักซิฟิลิส โรคติดต่อทางเพศ แพร่ยังไง รักษาหายไหม? เช็กอาการแต่ละระยะ ก่อนพลาดจนเจอภาวะแทรกซ้อนทำชีวิตพัง!
ซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum แม้ว่า ซิฟิลิส จะเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้หากพบเจอในระยะเริ่มต้น แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงวิธีการติดต่อของ ซิฟิลิส, อาการในแต่ละระยะ, การรักษา และวิธีป้องกัน เพื่อให้คุณเข้าใจและดูแลสุขภาพได้อย่างถูกต้อง
ซิฟิลิสคืออะไร ?
ซิฟิลิส (Syphilis) เป็นกามโรคชนิดหนึ่งติดต่อทางเพศสัมพันธ์เกิดจากเชื้อแบคทีเรียทรีโพนีมา พาลลิดัม (Treponema pallidum) ที่ดำเนินผ่านระยะต่าง ๆ ได้แก่ ระยะแรก ระยะที่สอง ระยะแฝง และระยะสุดท้าย ซึ่งแต่ละระยะจะมีอาการและผลกระทบที่แสดงออกแตกต่างกันไป สามารถแพร่เชื้อจากการสัมผัสสารคัดหลั่งโดยตรงจากผู้ติดเชื้อ เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การทำออรัลเซ็กส์ การจูบ การสัมผัสบาดแผล รวมถึงการติดเชื้อจากแม่สู่ทารกขณะตั้งครรภ์หรือระหว่างการคลอดบุตร เชื้อนี้สามารถแพร่กระจายตั้งแต่ระยะแรก ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงต่อสุขภาพได้
ซิฟิลิสติดต่อได้อย่างไร?
ซิฟิลิสติดต่อทางไหน? ซิฟิลิสสามารถติดต่อได้หลายช่องทาง โดยเฉพาะจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน รวมถึงการทำออรัลเซ็กส์ การจูบ และการสัมผัสบาดแผล นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อจากแม่สู่ลูกระหว่างตั้งครรภ์หรือคลอดได้ ดังนั้นการป้องกันด้วยการสวมถุงยางอนามัยและตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ
- การมีเพศสัมพันธ์ (ช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก)
- การสัมผัสโดยตรงกับแผลหรือผื่นของซิฟิลิส
- การถ่ายเลือด (พบได้น้อยในปัจจุบัน)
- การถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกในระหว่างตั้งครรภ์
- เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายผ่านเยื่อเมือกหรือบาดแผลเล็ก ๆ บนผิวหนัง
ซิฟิลิสระยะที่ 1 ระยะปฐมภูมิ หรือระยะเป็นแผล (Primary syphilis)
- มีแผลลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ ไม่เจ็บในบริเวณที่ติดเชื้อ
- ต่อมน้ำเหลืองโตใกล้แผล
- อาการจะปรากฏประมาณ 3 สัปดาห์หลังการสัมผัส
ซิฟิลิสระยะที่ 2 ระยะทุติยภูมิ หรือระยะออกดอก (Secondary syphilis)
- ผื่นบนฝ่ามือและฝ่าเท้า
- มีไข้และอ่อนเพลีย
- ต่อมน้ำเหลืองบวม
- เจ็บคอและปวดกล้ามเนื้อ
- ระยะนี้อาจกินเวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน
- ซิฟิลิสระยะที่ 3 ระยะแฝง (Latent syphilis)
- เป็นระยะแฝงซึ่งผู้ป่วยมักไม่มีอาการใด ๆ (ระยะสงบทางคลินิก) ซึ่งอาจยาวนานหลายปีบางรายนานถึง 20 ปี แต่เชื้อยังคงอยู่ในร่างกาย
ซิฟิลิสระยะที่ 3 ระยะแฝง (Latent syphilis)
- เป็นระยะแฝงซึ่งผู้ป่วยมักไม่มีอาการใด ๆ (ระยะสงบทางคลินิก) ซึ่งอาจยาวนานหลายปีบางรายนานถึง 20 ปี แต่เชื้อยังคงอยู่ในร่างกาย
ซิฟิลิสระยะที่ 4 ระยะสุดท้าย (Tertiary syphilis)
- ปัญหาทางระบบประสาท ความผิดปกติในการเคลื่อนไหว สมองเสื่อม
- เชื้อเข้าไปทำลายระบบสมอง และอวัยวะอื่น ๆ
- ปัญหาระบบหัวใจและหลอดเลือด ลิ้นหัวใจรั่ว
- เป็นตุ่มเนื้ออ่อน หรือเนื้องอกกัมม่า (Gummas)
- ตาบอด หูหนวก อัมพาต ชัก และเสียชีวิต
- เกิดขึ้นหลังการติดเชื้อหลายปีหากไม่ได้รับการรักษา
ภาวะแทรกซ้อนหากไม่ได้รับการรักษา
โรคซิฟิลิสหากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ขึ้นอยู่กับระยะของการติดเชื้อดังต่อไปนี้ โดยหากเป็นซิฟิลิสในระยะเริ่มแรก ผู้ป่วยอาจมีผื่นผิวหนัง หูดหงอนไก่ มีไข้ อ่อนเพลีย เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโตแต่หากเข้าสู่ระยะสุดท้าย (ระยะที่สี่) ผู้ป่วยอาจมีภาวะหลอดเลือดใหญ่อักเสบ หลอดเลือดโป่งพองหรือลิ้นหัวใจรั่ว ซิฟิลิสที่เหงือก กระดูก ตับ หรืออวัยวะอื่น ๆ และในกรณีติดเชื้อซิฟิลิสที่ระบบประสาทส่งผลต่อสมองและไขสันหลัง ทำให้เกิดปัญหาทางระบบประสาทอย่างรุนแรง เช่น โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคสมองเสื่อมการสูญเสียการเคลื่อนไหวเนื่องจากความเสียหายของไขสันหลัง ในกรณีติดเชื้อทางตาและหูอาจทำให้สูญเสียการมองเห็นหรือการได้ยิน นอกจากนี้ผู้ป่วยยังมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV เพิ่มมากขึ้น และสุดท้ายหากเป็นการติดเชื้อจากการถ่ายทอดโรคให้กับทารกในครรภ์อาจส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตของทารกแรกเกิด หรือความผิดปกติร้ายแรง เช่น จมูกเบี้ยว ฟันคุด สูญเสียการได้ยิน และความล่าช้าของพัฒนาการ
ข้อมูลอ้างอิงจาก genitiqueclinic.com