ไลฟ์สไตล์

หญิงไทยป่วย "มะเร็งปากมดลูก" เป็นอันดับ 5  เช็คกลุ่มไหนต้องฉีดวัคซีน HPV

หญิงไทยป่วย "มะเร็งปากมดลูก" เป็นอันดับ 5 เช็คกลุ่มไหนต้องฉีดวัคซีน HPV

16 ม.ค. 2568

"มะเร็งปากมดลูก" ภัยร้ายที่คุกคามสตรีทั่วโลก พบมากเป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย เช็คเลยกลุ่มไหนต้องฉีดวัคซีน "HPV"

 

นพ.สกานต์ บุญนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับที่ 4 ของผู้หญิงทั่วโลก และลำดับ 5 ของประเทศไทย สาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อเอชพีวี สายพันธุ์ 16, 18 และสายพันธุ์ความเสี่ยงสูงอื่น ๆ (Human papillomavirus หรือ HPV) เชื้อเอชพีวีเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งที่สามารถติดได้ทั้งที่ผิวหนัง อวัยวะเพศ ในช่องปาก และลำคอ โดยปกติผู้ที่มีเพศสัมพันธ์สามารถติดเชื้อไวรัสนี้ได้แต่มักจะไม่แสดงอาการ ส่วนมากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราสามารถที่จะกำจัดเชื้อออกจากร่างกาย มีเพียงร้อยละ 5-10 เท่านั้นที่ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถกำจัดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ความเสี่ยงสูงออกไปได้ ทำให้การติดเชื้อคงอยู่นาน (persistent HPV) และสามารถก่อให้เกิดความผิดปกติของเซลล์จนเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด

 

 

นพ.สกานต์ บุญนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์

 

ซึ่งการติดเชื้อเอชพีวีในลักษณะคงอยู่นานหรือ Persistent HPV นี้ ถ้าไม่ได้รับการรักษา จะเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 95 % โดยจะใช้เวลาประมาณ 15-20 ปี หลังการติดเชื้อจนกลายไปเป็นเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ตาม ถือเป็นโชคดีที่เราสามารถรู้ถึงสาเหตุที่ก่อมะเร็งปากมดลูก ทำให้เราสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งชนิดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจากการฉีดวัคซีน การตรวจคัดกรองและรักษาโรคตั้งแต่ระยะก่อนเป็นโรคมะเร็ง

 

หญิงไทยป่วย \"มะเร็งปากมดลูก\" เป็นอันดับ 5  เช็คกลุ่มไหนต้องฉีดวัคซีน HPV

กลุ่มประชากรที่เหมาะสมกับการฉีดวัคซีน เอชพีวี  

 

1. กลุ่มที่น่าจะมีประโยชน์สูงสุดจากการฉีดวัคซีนเอชพีวี คือ ผู้ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์หรือยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ได้แก่ เด็กหญิง (วัคซีนชนิด 2, 4 หรือ 9 สายพันธุ์) และเด็กชาย (วัคซีนชนิด 4 หรือ 9 สายพันธุ์) ที่อายุ 11-12 ปี และหากไม่ได้รับวัคซีนในช่วงอายุดังกล่าวสามารถฉีดในช่วงอายุ 13-26 ปีได้

 

 2. การฉีดวัคซีนในผู้หญิงและผู้ชายอายุ 27-45 ปี ให้พิจารณาฉีดวัคซีนเป็นราย ๆ ไป ผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนควรได้รับคำอธิบายถึงประโยชน์ที่จะได้รับและอาจไม่เทียบเท่ากับการฉีดในช่วงอายุ 9-26 ปี  

 

3. ผู้หญิงที่เคยเป็น หรือกำลังมีหูดหงอนไก่ หรือรอยโรคก่อนมะเร็งปากมดลูก หรือมีผลตรวจคัดกรองทางเซลล์วิทยาปากมดลูกผิดปกติ หรือตรวจพบเชื้อเอชพีวีกลุ่มความเสี่ยงสูง ยังคงแนะนำให้ฉีดวัคซีนเอชพีวีเช่นเดียวกับสตรีทั่วไป  4. ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้วสามารถฉีดวัคซีนนี้ได้ โดยไม่มีความจำเป็นต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกหรือตรวจหาเชื้อเอชพีวีกลุ่มเสี่ยงสูงก่อนเริ่มฉีดวัคซีน 

 

 

หญิงไทยป่วย \"มะเร็งปากมดลูก\" เป็นอันดับ 5  เช็คกลุ่มไหนต้องฉีดวัคซีน HPV

 

แต่อย่างไรก็ตาม องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำว่าสตรีตั้งครรภ์ไม่ควรรับการฉีดวัคซีน หากได้เริ่มฉีดไปแล้ว ให้หยุดฉีดวัคซีนเข็มที่เหลือ ไม่จำเป็นต้องยุติการตั้งครรภ์หรือทำแท้ง และให้กลับมาฉีดต่อหลังคลอดจนครบ 3 เข็ม สตรีที่ให้นมบุตรสามารถฉีดวัคซีนได้ไม่มีผลกระทบหรือผลเสียต่อทารกที่ดูดนมมารดา วัคซีนเอชพีวีสามารถฉีดพร้อมกับวัคซีนอื่นที่จำเป็นต้องฉีดในช่วงอายุนั้นได้อย่างปลอดภัย เช่น วัคซีน tetanus, acellular pertussis, diphtheria และ inactivated poliovirus vaccine เป็นต้น โดยไม่รบกวนการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันซึ่งกันและกัน

แผนการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งปากมดลูกของกระทรวงสาธารณสุขมีการกำหนดนโยบายให้ฉีดวัคซีนเอชพีวีแก่เด็กหญิง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 อายุ 11-12 ปี โดยฉีด 2 เข็มห่างกัน 6-12 เดือน อย่างไรก็ตามผู้หญิงที่ได้รับการฉีดวัคซีนเอชพีวีครบแล้วยังคงต้องรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของการตรวจคัดกรองต่อไป หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการหาความรู้ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ผ่านทาง Facebook : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ National Cancer Institute  

 

 

หญิงไทยป่วย \"มะเร็งปากมดลูก\" เป็นอันดับ 5  เช็คกลุ่มไหนต้องฉีดวัคซีน HPV