หญิงไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น
จากการสำรวจปี 2564 พบว่าอัตราการสูบบุหรี่ของหญิงไทยลดลงเหลือ 1.3% แสดงว่าสังคมไทยขานรับค่านิยม หญิงไทยไม่สูบบุหรี่ แต่ล่าสุดเมื่อมีการเข้ามาของบุหรี่ไฟฟ้าก็พบวัยรุ่นหญิงไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น อีกทั้งยังนำมาเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียจำนวนมาก ซึ่งการสำรวจล่าสุดจากฝ่ายต่างๆ พบสถิติวัยรุ่นหญิงสูบบุหรี่ไฟฟ้าใกล้เคียงกับวัยรุ่นชาย และการสำรวจระดับประเทศปี 2565 พบวัยรุ่นหญิง อายุ 13-15 ปีสูบบุหรี่ไฟฟ้า 15% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าบุหรี่มวน 10 เท่า ของรุ่นแม่ ส่วนชายสูบบุหรี่ไฟฟ้า 20.2% และคาดว่าตัวเลขปี 2567 คงจะสูงมากกว่านี้
สูบบุหรี่ไฟฟ้า ติดแล้วเลิกยากกว่าบุหรี่มวน
ศ.นพ.ประกิต กล่าวต่อว่า ความน่ากลัวที่วัยรุ่นหญิงไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากมีแนวโน้มที่ติดแล้วจะเลิกยากยิ่งกว่าบุหรี่มวน ทางด้านรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่กำชับไปพ่อ แม่ผู้ปกครองอย่าสูบบุหรี่ไฟฟ้าต่อหน้าลูก ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญโดย ในทางการแพทย์ การสูบบุหรี่ไฟฟ้า หรือบุหรี่มวน ต่อหน้าลูก โดยเฉพาะเด็กเล็ก มีผลเสียหลัก ๆ 2 ข้อ คือ
1. ทำให้ลูกได้รับอันตรายจากไอบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเด็กหายใจเร็วกว่า และหลอดลมมีขนาดเล็กกว่า ทำให้ได้รับสารเคมีอันตรายในจำนวนที่มากกว่าผู้ใหญ่ ทำให้เกิดการอักเสบของทางเดินหายใจ เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อย อาจรุนแรงถึงปอดบวมจากเชื้อโรค เกิดการอักเสบของหูส่วนกลาง และปอดจะมีการพัฒนาน้อยลงเป็นภูมิแพ้มากขึ้น และกระตุ้นอาการหอบรุนแรงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหืด
2. เกิดการเลียนการสูบบุหรี่ ดังนั้นผู้ใหญ่จึงไม่ควรสูบต่อหน้าเด็ก ทางที่ดีไม่ควรสูบมากกว่า
สูบบุหรี่ไฟฟ้า ส่งผลเสียผิวพรรณหญิงสาว
นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ไฟฟ้ายังส่งผลเสียต่อผิวพรรณของหญิงสาว เพราะสารนิโคติน ทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังหดตัว เลือดไปเลี้ยงผิวหนังลดลง ผิวหนังได้รับสารอาหารและออกซิเจนลดลง รวมถึงสารเคมีต่าง ๆ ในไอบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้เกิดอนุมูลอิสระจำนวนมาก ที่ทำลายคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้ผิวหนังเต่งตึงเกิดการสูญเสียไป ทำให้วัยรุ่นที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีผิวแห้งกร้าน เกิดริ้วรอยเร็ว และดูแก่ก่อนวัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง