ไลฟ์สไตล์

'โรคกระดูกพรุน' ภัยสุขภาพต่อทุกช่วงอายุ - ขาดแคลเซียม อีกหนึ่งปัจจัยชี้นำ

'โรคกระดูกพรุน' ภัยสุขภาพต่อทุกช่วงอายุ - ขาดแคลเซียม อีกหนึ่งปัจจัยชี้นำ

19 ก.ย. 2566

จับกระแสสุขภาพว่าด้วย "ภาวะกระดูกบาง" หรือ "โรคกระดูกพรุน"  ณ เวลานี้   สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย จากเดิมที่พบความเสี่ยงในผู้สูงอายุ และสตรีที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ แต่ในปัจจุบัน อายุเฉลี่ยของผู้เป็นโรคกระดูกพรุนลดลงทุกปี   หรือเข้าใกล้ในทุกกลุ่มอายุ 

"การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อ โรคกระดูกพรุน ในทุกวัย รวมถึงวัยทำงาน   สามารถทำได้ด้วยการเลือกทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ในแต่ละวัน ควบคู่ไปกับการปรับพฤติกรรม อาทิ  การออกกำลังกายให้ได้สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง  ,  นอนหลับให้ได้ 6-8 ชั่วโมง ต่อ วัน  ,  หลีกเลี่ยงการโหมงานหนักจนร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ , ลดหรือเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ ชา หรือ กาแฟ ที่เป็นพฤติกรรมอันตรายที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน"  นายแพทย์ สุชาติ เลาหบริพัทธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกัน   ให้ข้อมูล  ถึงภาวะความเสี่ยงที่มีผลไปถึงกลุ่มคนในวัยทำงาน

 

 

 

 


"ภาวะกระดูกบาง" หรือ "โรคกระดูกพรุน"  ณ เวลานี้  เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แม้จะพบได้มากในผู้สูงอายุ และสตรีที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ แต่ในปัจจุบัน ภาวะกระดูกบางและโรคกระดูกพรุนมีแนวโน้มพบว่า อายุเฉลี่ยของผู้เป็นโรคกระดูกพรุนลดลงทุกปี   หรือเข้าใกล้ในทุกกลุ่มอายุ  มีข้อมูลในทางการแพทย์ ที่
บ่งชี้ว่าร้อยละ 90 ไม่รู้ว่าตัวเองเป็น หรือมีความเสี่ยงต่อโรค    "ภาวะกระดูกบาง" หรือ "โรคกระดูกพรุน"
จึงเป็นภัยเงียบที่คนส่วนใหญ่มองข้าม 

 

 

 

 

ปัจจัยของภาวะโรคกระดูกพรุน สาเหตุหลักมาจากการบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมไม่เพียงพอต่อร่างกายในแต่ละวัน การบริโภคแคลเซียมในคนไทยเฉลี่ยเพียงแค่  400 มิลลิกรัม/วัน เท่านั้น ในขณะที่ความต้องการปริมาณแคลเซียมโดยเฉลี่ย    1,000 มิลลิกรัม/วัน ทั้งนี้ หากร่างกายมีอาการขาดแคลเซียม ได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย  จะก่อให้เกิดโรคกระดูกพรุน กระดูกบางเปราะและแตกได้ง่าย

 

 

 

โดยเฉพาะบริเวณที่สำคัญอย่างสันหลัง กระดูกสะโพก และกระดูกข้อมือ   สามารถสังเกตอาการเบื้องต้นที่บ่งชี้ว่าเป็นสัญญาณอันตรายด้วยตนเองได้ง่ายๆ  เช่น วิงเวียน เหนื่อยง่าย เล็บบางและรุนแรงไปจนถึงกระดูกแตกง่าย เป็นต้น  ดังนั้นจึงตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก ให้แน่ใจว่ามวลกระดูกอยู่ในเกณฑ์ปกติตามอายุ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดโรค

 

 

 

"
การบริโภคแคลเซียมให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายนอกจากช่วยเสริมสร้างกระดูกแล้ว ยังช่วยในการทำงานของระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาท แคลเซียมที่อยู่ในกระแสเลือดและในเซลล์มีหน้าที่ควบคุมการส่งกระแสประสาท การหดตัวของกล้ามเนื้อและการทำงานของเซลล์โดยมีฮอร์โมนสองชนิดทำหน้าที่ปรับสมดุลของแคลเซียมในกระแสเลือด "   นพ.สุพจน์ สัมฤทธิ์วณิชชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โอสถสภา ยันอี เบฟเวอเรจ ให้ทัศนะ

\'โรคกระดูกพรุน\' ภัยสุขภาพต่อทุกช่วงอายุ - ขาดแคลเซียม อีกหนึ่งปัจจัยชี้นำ

 นายแพทย์ สุชาติ เลาหบริพัทธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกัน

\'โรคกระดูกพรุน\' ภัยสุขภาพต่อทุกช่วงอายุ - ขาดแคลเซียม อีกหนึ่งปัจจัยชี้นำ

นพ.สุพจน์ สัมฤทธิ์วณิชชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด

 

 

 

\'โรคกระดูกพรุน\' ภัยสุขภาพต่อทุกช่วงอายุ - ขาดแคลเซียม อีกหนึ่งปัจจัยชี้นำ

 

 

โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) คือ โรคที่ความหนาแน่นและมวลของกระดูกลดน้อยลง จนทำให้กระดูกเสื่อม เปราะบาง ผิดรูป และมีโอกาสแตกหักได้ง่าย  ผู้ป่วยบางรายกระดูกพรุน มีผลให้ส่วนสูงลดลง เนื่องจากมวลกระดูกผุกร่อน ผลจากโรคกระดูกพรุน คือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหัก เนื่องจากกระดูกสามารถรับน้ำหนัก แรงกระแทก หรือแรงกดได้ลดลง

 

 

อาการกระดูกพรุน  เนื่องจากโรคกระดูกพรุนมักไม่มีอาการเตือนใด ๆ ผู้ป่วยมักไม่ทราบว่าตัวเองเป็นโรคกระดูกพรุนจนเกิดอุบัติเหตุและนำไปสู่ภาวะกระดูกหัก อาการบ่งชี้อื่น ๆ ที่ควรใส่ใจและหมั่นสังเกต เพื่อให้สามารถรักษาและป้องกันโรคกระดูกพรุน ได้แก่ ปวดหลังเรื้อรัง หลังค่อมหรือกระดูกสันหลังส่วนบนโค้งลง ความสูงลดลง  ส่วนจุดเสี่ยงกระดูกหักจากกระดูกพรุน  บริเวณที่มักเกิดกระดูกหักจากกระดูกพรุน ได้แก่ กระดูกสันหลัง สะโพก  และ ข้อมือ 

 

 

 

 

ในการรักษาโรคกระดูกพรุน  ด้วยเหตุที่โรคกระดูกพรุนเกิดจากภาวะกระดูกเสื่อมที่มาจากหลายสาเหตุ หลักการรักษาจะกระตุ้นการทำงานของเซลล์สร้างกระดูกและลดการทำงานของเซลล์สลายกระดูก มีทั้งการรับประทานยา การฉีดยา และการเพิ่มฮอร์โมน

 

\'โรคกระดูกพรุน\' ภัยสุขภาพต่อทุกช่วงอายุ - ขาดแคลเซียม อีกหนึ่งปัจจัยชี้นำ

 

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  pixabay.com