ทำความรู้จัก 'โรคมอร์เฟีย' ที่ 'ดีเจต้นหอม' ต้องเผชิญมากว่า 10 ปี สาเหตุเกิดจากอะไร อาการเป็นอย่างไร และเมื่อเป็นแล้วต้องรักษาอย่างไร
หลังจาก “ดีเจต้นหอม” ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ ออกมาเผยว่า ตัวเองต้องเผชิญโรคผิวหนังประหลาดพบได้เพียง 3 ใน 1 แสนคน ที่เรียกว่า “โรคมอร์เฟีย” มานานกว่า 10 ปี ทำเอาหลายคนงงว่าโรคประหลาดที่ว่านี้คืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร อาการเป็นอย่างไร และเมื่อเป็นแล้วต้องรักษาอย่างไร วันนี้ คมชัดลึก จะพาไปทำความรู้จักกับโรคนี้พร้อมๆ กัน
“หมอแตงโม” พญ. ปัญญะฎา สุชีวะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง อธิบายว่า โรคมอร์เฟีย เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง คือ ผิวหนังแข็งเฉพาะบางพื้นที่ แต่ไม่ได้มีผลเข้าไปในอวัยวะภายใน จะอยู่แค่ในชั้นของผิวหนัง กล้ามเนื้อ หรืออยู่สุดที่กระดูก ไม่ได้ทำให้เกิดการแข็งตึงของเส้นเลือดบริเวณปลายนิ้ว
โรคมอร์เฟีย เกิดจากการที่ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการอักเสบ และมีการเพิ่มจำนวนของคอลลาเจนทำให้เกิดพังผืด ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณนั้นแข็ง หนา จับแล้วคล้ายกับรอยแผลเป็น บางคนอาจจะเปลี่ยนเป็นสีที่คล้ำขึ้น ขณะที่บางคนสีอ่อนลงซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพผิวหนังของแต่ละคนคล้ายแผลเป็น ผลกระทบโดยตรงคือเรื่องของความสวยงาม แต่ถ้าเกิดเป็นบริเวณข้อ อย่างเช่น ข้อเข่า หรือข้อแขน อาจส่งผลข้างเคียงทำให้การเคลื่อนไหวบริเวณข้อลำบากขึ้นเล็กน้อย ถ้าตัวผื่นไปโดนเส้นประสาทตื้นๆ บนผิวอาจจะเกิดอาการยิบๆ หรือชาบางๆ หรืออาจจะเจ็บได้
จุดที่พบ โรคมอร์เฟีย บ่อยๆ มักจะเป็นตามร่างกาย บริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ขา หรือแผ่นหลัง หรือบางคนเป็นโรคมอร์เฟียในตำแหน่งกลางหน้าผากขึ้นไปถึงหนังศีรษะ ลักษณะคล้ายแผลเป็น ก็จะทำให้บริเวณนั้นผมไม่ขึ้น
สำหรับช่วงที่เกิดโรคมอร์เฟีย
- อาจจะเป็นเด็กช่วงอายุ 2-14 ปี อาจจะเกิดจากพันธุกรรม มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคประเภทนี้
- ผู้ใหญ่ช่วงอายุ40 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่มักพบในเพศหญิงที่มีผิวขาว ซึ่งพบว่าฝรั่งจะเป็นมากกว่าคนแถบเอเชีย
โรคมอร์เฟีย ยังไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน
- อาจจะเกิดจากประวัติพันธุกรรม พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือญาติเคยเป็น
- ตำแหน่งเกิดการเสียดสีบ่อยๆ เข้าจนเกิดการอักเสบ
- บางคนสันนิษฐานว่าเกิดจากถูกแมลงบางประเภทกัด ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นแข็ง
- การฉายแสงไปโดนบริเวณนั้นบ่อยๆ ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเปลี่ยนแปลงเป็นผิวหนังแข็ง
วิธีการรักษา โรคมอร์เฟีย
โรคมอร์เฟีย สามารถหายเองได้ ระยะเวลาการเกิดโรคอยู่ที่ 1-3 ปี หรือบางคน 4-5 ปี บางคนอาจจะอาการเหมือนเดิมหรือดีขึ้นเองโดยไม่ต้องรักษาแต่ส่วนใหญ่มักเป็นซ้ำขึ้นใหม่ ดังนั้นจึงต้องดูเป็นเคสไป ถ้าเกิดเป็นบริเวณเล็กๆ อาจควบคุมได้ด้วยการใช้ยาทากลุ่มสเตียรอยด์หรือยากลุ่มอื่นๆ ที่ใช้ในการรักษา ในบริเวณที่ผิวหนังแข็ง ทำให้ผิวนิ่มขึ้น และไม่กระจายตัว แต่ถ้าบางคนที่ทายาแล้วไม่ตอบสนองเท่าที่ควรแพทย์อาจจะใช้วิธีกินยาหรือฉีดยา ซึ่งมีหลายตัว อาทิ กลุ่มยากดภูมิ เป็นต้น ซึ่งวิธีนี้ต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร อาจจะนานเป็นปีเพื่อควบคุมอาการของโรคให้ได้ หรืออาจใช้วิธีการฉายแสง UVA ร่วมด้วย เพื่อช่วยให้ผิวหนังบริเวณนั้นนิ่มขึ้น และค่อยๆ ดีขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง