Lifestyle

TACE เคมีบำบัดทางหลอดเลือดแดง ทางเลือกในการรักษา 'มะเร็งตับ' ตรงจุด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ปัจจุบันมีวิธีการรักษาโรค 'มะเร็งตับ' ที่ได้รับความนิยม และเป็นการรักษาอย่างตรงจุดที่เรียกว่า TACE (Transarterial Oily Chemoembolization)

โรคมะเร็งตับ เป็น โรคมะเร็ง ที่พบมากที่สุดในประเทศไทย ผู้ป่วย มะเร็งตับ มักจะมาพบแพทย์เมื่อมีอาการมากแล้วหรือเป็นระยะท้ายของโรค ขนาดของก้อน มะเร็ง เมื่อตรวจพบมักโตเกินกว่าจะผ่าตัดได้ ปัจจุบันมีวิธีการรักษาโรคมะเร็งตับที่ได้รับความนิยม และเป็นการรักษาอย่างตรงจุดที่เรียกว่า TACE (Transarterial Oily Chemoembolization)

 

นพ.ปรีช์โสภณ โศภนคณาภรณ์ รังสีแพทย์เฉพาะทางด้านรังสีร่วมรักษาของลำตัว โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายว่า สาเหตุการเกิด โรคมะเร็งตับ ที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มักมีความสัมพันธ์กับภาวะดังต่อไปนี้

 

  • การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและ/หรือซี หากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้ตับอักเสบในระยะยาว และกลายเป็น มะเร็งตับ ได้
  • ภาวะตับแข็ง พบว่าผู้ป่วยโรคตับแข็งมีโอกาสเกิดมะเร็งตับสูงกว่าคนทั่วไปมากถึง 270 เท่า
  • การดื่มแอลกอฮอล์เรื้อรัง หากดื่มแอลกอฮอล์มากกว่า 80 กรัมต่อวัน ติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปี จะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งตับสูงขึ้น 8 – 12 เท่า
  • โรคพยาธิใบไม้ในตับ ซึ่งเป็นพยาธิที่พบในปลาน้ำจืด หรืออาหารสุกๆ ดิบๆ 
  • รับประทานอาหารที่มีสารอะฟลาท็อกซินสูง เช่น ถั่วลิสง ข้าวโพด พริก หอม กระเทียม เต้าเจี้ยว ฯลฯ และสารไนโตรซามีน เช่น ปลาร้า กุนเชียง ไส้กรอก เนื้อเค็ม ปลาเค็ม กุ้งแห้ง เป็นต้น
  • ภาวะอ้วน โดยเฉพาะอ้วนแบบลงพุงเพราะมีความเสี่ยงเกิดโรคไขมันพอกตับได้

 

ปัจจุบันการรักษา โรคมะเร็งตับ ทำได้หลายวิธี วิธีที่ดีที่สุดคือการผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกออก แต่ผู้ป่วยส่วนมากมักมีข้อจำกัดที่ทำให้ไม่สามารถรับการผ่าตัดได้ เช่น ผู้ป่วยสูงอายุ โรคตับแข็ง หรือ มีก้อนเนื้องอกหลายตำแหน่ง เพราะฉะนั้นการรักษา มะเร็งตับ อีกวิธีที่นิยมอย่างแพร่หลาย คือการให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะทางผ่านทางหลอดเลือดแดง ที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็งตับโดยตรง หรือที่เรียกว่า TACE ย่อมาจากคำว่า Transarterial Oily Chemoembolization 

 

TACE คือการรักษาด้วยการให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะที่ โดยแพทย์จะใส่สายสวนหลอดเลือดเข้าทางขาหนีบและสอดสายขนาดเล็กเข้าไปยังหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงก้อนเนื้อมะเร็งโดยตรง จากนั้นจึงให้ยาเคมีบำบัดโดยจะอุดกั้นหลอดเลือดด้วยเม็ดโฟม เจลาตินขนาดเล็ก เพื่อไม่ให้เลือดกลับไปเลี้ยงก้อนเนื้องอกได้อีกและทำให้ก้อนเนื้องอกฝ่อตายในที่สุด ทั้งนี้ ปริมาณของสารเคมีบำบัดที่ใช้ มีปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับการให้ยาเคมีบำบัดทางหลอดเลือดดำ จึงช่วยลดผลข้างเคียงที่มีต่อส่วนอื่นๆ ของร่างกาย

 

อย่างไรก็ตาม พบว่าเซลล์มะเร็งบางส่วนอาจเหลืออยู่และก่อตัวขึ้นได้อีกจากการกระตุ้นให้เนื้อเยื่อปกติที่อยู่ข้างเคียงสร้างหลอดเลือดใหม่เข้ามาเลี้ยงตัวก้อนเนื้อมะเร็งได้อีก ดังนั้นการทำ TACE อาจจำเป็นต้องทำซ้ำ ทุก 4-6 สัปดาห์ ในกรณีที่ก้อนเนื้องอกมีขนาดใหญ่หรือมีหลายตำแหน่งเพื่อจำกัดเซลล์ มะเร็ง ที่อาจหลงเหลือยู่

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ