Lifestyle

ดูแลสุขภาพ 'ตับ' งดเหล้าเข้าพรรษา ก่อนลุกลามสู่ ภาวะตับแข็ง และมะเร็งตับ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แอลกอฮอล์มีผลในการทำลายเซลล์ตับโดยตรง กระตุ้นมีไขมันสะสมในตับ ส่งผลให้เซลล์ตับเกิดการอักเสบ หรือมีพังผืดเกิดขึ้น จนกลายเป็นภาวะตับแข็ง ซึ่งถ้าปล่อยไว้เรื้อรังนานๆ เข้าอาจกลายเป็น มะเร็งตับ ได้ในที่สุด

งดเหล้าเข้าพรรษา ประโยคที่ได้ยินกันจนติดหูในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ซึ่งฟังแล้วก็เหมือนเป็นกุศโลบายให้ ตับ ได้พักผ่อน หรือลดการทำงานลงนั่นเอง

 

พญ.อนงนุช ชวลิตธำรง

 

พญ.อนงนุช ชวลิตธำรง แพทย์ American Board of Anti-Aging Medicine จาก Addlife Anti-Aging Center ชั้น 2 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี) ให้ข้อมูลว่า แอลกอฮอล์ ที่เป็นส่วนประกอบของเหล้า เบียร์ ไวน์ และอื่นๆ มีผลในการทำลายเซลล์ ตับ โดยตรง กระตุ้นมีไขมันสะสมในตับ ส่งผลให้เซลล์ตับเกิดการอักเสบ หรือมีพังผืดเกิดขึ้น จนกลายเป็นภาวะ ตับแข็ง ซึ่งถ้าปล่อยไว้เรื้อรังนานๆ เข้าอาจกลายเป็น มะเร็งตับ ได้ในที่สุด

 

 

แต่นอกจาก แอลกอฮอล์ แล้ว ก็มีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำลายเซลล์ ตับ ของเราโดยที่เราอาจคาดไม่ถึง เช่น การได้รับสารพิษจากสิ่งแวดล้อม สารโลหะหนักที่ปนเปื้อนจากอาหาร เครื่องดื่ม ข้าวของเครื่องใช้อุปโภคต่างๆ หรือการรับประทานยาบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานานๆ หรือคนที่มีโรคประจำตัวเช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ก็มีผลต่อตับได้ เมื่อเซลล์ตับเราแย่ลง ก็ส่งผลให้การกำจัดของเสียต่างๆ ลดลง อวัยวะอื่นๆ ก็ทำงานแย่ลง ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมทั้งร่างกายได้

 

 

 

นับว่ายังดีที่เซลล์ตับมีความสามารถพิเศษที่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ แต่ด้วยปัจจุบันที่สารพิษมีอยู่รายรอบตัวเรา ลำพังกลไกปกติในการฟื้นฟูของตับโดยลำพังอาจไม่เพียงพอ เราจึงจำเป็นต้องช่วยให้ตับดีขึ้นได้ โดยการปฏิบัติดังนี้

 

  1. งดพฤติกรรมทำร้ายตับ เช่น การดื่ม แอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่
  2. เพิ่มการออกกำลังกาย เพื่อช่วยลดไขมันสะสมในตับ
  3. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่น้ำตาลสูง ไขมันสูง อาหารปิ้งย่าง
  4. ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์พอดี เพราะความอ้วนเป็นสาเหตุของไขมันพอกตับได้
  5. ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอและบี
  6. ไม่รับประทานยาหรืออาหารเสริมเอง โดยไม่อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
  7. ตรวจสุขภาพร่างกาย และการทำงานของตับเป็นประจำทุกปี

 

นอกจากการดูแลตัวเองแล้ว เราอาจใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ช่วยฟื้นฟูการทำงานของตับได้อีกทางหนึ่ง เช่น

 

  • การทำคีเลชั่น โดยการใช้สารพิเศษเพื่อกำจัดโลหะหนักออกจากร่างกาย 
  • การเติมสารอาหารทางหลอดเลือดที่ช่วยตับกำจัดสารพิษ เช่น N-Acetyl-Cysteine เป็นต้น
  • การรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยตับกำจัดสารพิษ

 

อย่างไรก็ดีต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ