Lifestyle

โรค 'MOH' คืออะไร ทำไมยิ่งกิน 'ยาแก้ปวด' ยิ่งปวดหัว ใครมีโอกาสเป็นบ้าง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โรค 'MOH' คืออะไร ทำไมยิ่งกิน 'ยาแก้ปวด' ยิ่งทำให้ปวดหัว ใครมีโอกาสเป็นบ้าง ต้องใช้ ยาแก้ปวด อย่างไรจึงจะปลอดภัย ไม่เป็นโรคนี้

'หมอดื้อ' ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha เปิดข้อมูล "ยิ่งกินยาแก้ปวดหัว ยิ่งจะปวดหัว"

 

 

ซึ่งเราทุกคนอาจเคย ปวดศีรษะ สักครั้งหนึ่งของชีวิต เวลาปวดศีรษะเราก็จะกิน 'ยาแก้ปวด' ที่มีติดไว้ประจำบ้านบ้าน เช่น พาราเซตามอล หรือ ไปซื้อยาตามร้านขายยามารับประทาน ยาแก้ปวดเหล่านี้ปลอดภัยหรือไม่ แล้วจริงๆ ยาแก้ปวด เหล่านี้รับประทานบ่อยๆ หายปวดทุกครั้งหรือไม่ และทำให้ปวดศีรษะได้มากกว่าเดิมจริงหรือไม่

 

เป็นที่ทราบกันดีว่า ยาแก้ปวดที่เรารับประทาน ไม่ได้ปลอดภัยเสียทีเดียวหากรับประทาน "มากเกินไป" ไม่ว่าจะเป็น พาราเซตามอล ที่มีผลต่อตับ ยากลุ่ม NSAID (เช่น ibuprofen, naproxen ฯลฯ) ก็เป็นพิษต่อไต และทำให้มีแผลในกระเพาะอาหารจนเลือดออกได้ หรือแม้แต่ยากลุ่ม ergot ที่เราพบกันในข่าวสารว่าสามารถทำให้มือหรือเท้าขาดเลือดถึงขั้นต้องตัดมือตัดเท้า อีกทั้งยาแก้ปวดศีรษะเหล่านี้ ถ้าใช้มากเกินไปหรือถี่เกินไปยังกลับทำให้อาการปวดศีรษะมากขึ้นกว่าเดิม อาการปวดศีรษะแบบนี้เรียกได้ว่า “โรคปวดศีรษะจากการใช้ยาแก้ปวดมากเกินความจำเป็น (Medication overuse headache)" หรือ 'MOH'

 

 

'โรค MOH' คืออะไร และใครที่มีโอกาสเป็นโรค 'MOH' บ้าง?

 

โรคปวดศีรษะจากการใช้ยาแก้ปวดมากเกินความจำเป็น 'MOH' มักจะเกิดขึ้นในผู้ป่วยที่มีโรคปวดศีรษะเป็นประจำอยู่เดิม (เช่น โรคไมเกรน) และรับประทานยาแก้ปวดมากเกินไปจนทำให้อาการปวดศีรษะที่มีความถี่มากขึ้น หรือมีลักษณะอาการปวดศีรษะที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม สำหรับคำว่า "มากเกินไป" หรือ "มากเกินความจำเป็น" นั้น พบว่าหากเป็นยากลุ่ม พาราเซตามอล หรือยากลุ่ม NSAID มักหมายถึงการใช้ยาตั้งแต่ 15 วันต่อเดือนขึ้นไป

 

แต่หากเป็นยาแก้ปวดกลุ่มอนุพันธุ์ของฝิ่น (opioid), ยากลุ่ม ergot หรือ ยากลุ่ม triptan จะหมายถึงการใช้ยาตั้งแต่ 10 วันต่อเดือนขึ้นไป นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจจะสังเกตอาการเพิ่มเติมได้ง่ายๆ ว่ามีความเสี่ยงจะเกิดโรค MOH โดยผู้ป่วยอาจรับประทานยาแก้ปวดแล้วออกฤทธิ์สั้นลง หรือรับประทานแล้วไม่หายปวดศีรษะ

 

ยาแก้ปวด

 

ทำไม 'ยาแก้ปวด' ถึงทำให้ ปวดศีรษะ มากกว่าเดิมได้ ?

 

สำหรับกลไกการเกิดโรค 'MOH' นั้น โดยสรุปแล้วเชื่อว่าเกิดจากการที่ใช้ยาแก้ปวดจำนวนมากเป็นระยะเวลาพอสมควร จะทำให้สมองกลับมีการสร้างตัวรับความรู้สึกเจ็บปวดที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเมื่อระดับยาแก้ปวดลดลงจะทำให้สมองเกิดความไวต่อความเจ็บปวดมากขึ้นโดยอัตโนมัติแม้ไม่ได้มีสิ่งกระตุ้นให้เกิด อาการปวดศีรษะ

 

 

'โรค MOH' รักษาอย่างไร ต้องใช้ 'ยาแก้ปวด' อย่างไรให้ปลอดภัยและไม่ให้เกิดโรค MOH ?

 

การรักษา 'MOH' มีหลักการง่ายๆ คือการหยุดยาแก้ปวดที่ทำให้เกิด MOH รวมถึงไปพบแพทย์ เพื่อรักษาโรคปวดศีรษะเดิมให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตามหลักการที่ว่าง่ายนั้นในโลกความเป็นจริงกลับทำได้ยาก เนื่องจากการหยุด 'ยาแก้ปวด' มักจะทำให้ผู้ป่วยต้องทรมานจากอาการปวดอยู่ช่วงหนึ่ง

 

เพราะฉะนั้นจะเป็นการดีกว่าหากเราป้องกันไม่ให้เกิด MOH ตั้งแต่ต้น 'โรค MOH' นี้สามารถป้องกันได้ง่ายมากเพียงใช้ยาแก้ปวดให้ถูกต้องและเหมาะสม เช่น ในผู้ป่วยโรคไมเกรนควรใช้ยาแก้ปวดขณะที่มีอาการปวดเท่านั้น และใช้ยาแก้ปวดตั้งแต่เนิ่นๆ ที่เริ่มมีอาการปวดศีรษะแต่ละครั้ง ที่สำคัญที่สุดคือหากผู้ป่วยโรคไมเกรนมีอาการปวดศีรษะมากขึ้นหรือถี่ขึ้นอย่างผิดสังเกต ซึ่งอาจทำให้ต้องใช้ 'ยาแก้ปวด' มากจนใกล้เคียงกับปริมาณที่ทำให้เกิด MOH ได้ (ดังกล่าวข้างต้น) จะต้องไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโรคไมเกรนอย่างถูกต้องโดยการใช้ "ยาควบคุมหรือยาป้องกันอาการปวดศีรษะ" ซึ่งเป็นยาคนละแบบกันกับยาแก้ปวด การใช้ยาควบคุมอาการปวดศีรษะนี้จะช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของการปวดศีรษะได้ ทำให้ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องรับประทานยาแก้ปวดมากนั่นเอง

 

นอกจากนี้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความถี่ของ อาการปวดศีรษะ เดิม เช่น การนอนหลับให้เพียงพอ การออกกำลังกาย การหลีกเลี่ยงปัจจัยการตุ้นที่ให้ปวดศีรษะ ก็มีความสำคัญเช่นกัน

 

การที่โรค MOH ไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย อาจเป็นสาเหตุรากเหง้าที่ทำให้ผู้ป่วยหลายคนใช้ยาแก้ปวดมากเกินโดยไม่รู้มาก่อนว่าจะทำให้ปวดศีรษะรุนแรงกว่าเดิมได้ ดังนั้นในปีนี้ โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ถึงตระหนักใน โรคปวดศีรษะ โดยเฉพาะโรคปวด ไมเกรน ทางชมรมศึกษาโรคปวดศีรษะฯ จึงวางแผนรณรงค์ให้เกิดความตระหนักใน โรคปวดศีรษะจากการใช้ยาแก้ปวดมากเกินความจำเป็น (MOH) ไปพร้อมๆ กัน โดยมีสโลแกนง่ายๆ คือ "More pills, More pain" หรือ "ยิ่งกินยา ยิ่งปวดหัว" เพื่อให้ประชาชนรวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ให้รู้จักและตระหนักถึงโรค MOH มากขึ้น

 

 

นพ.ประกิต อนุกูลวิทยา และ ผศ.นพ.เสกข์ แทนประเสริฐสุข
อายุรแพทย์ระบบประสาท คลินิกโรคปวดศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
ประธานฝ่ายพัฒนาการศึกษา และประธานฝ่ายวิจัย ชมรมศึกษาโรคปวดศีรษะภายใต้สมาคมประสาทวิทยาแห่งประเทศไทย

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ