Lifestyle

เตือน 'เล่นน้ำสงกรานต์' อย่างไร ไม่เสี่ยง 'ปอดอักเสบ'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

การ เล่นน้ำสงกรานต์ อาจจะทำให้ร่างกายปรับอุณหภูมิไม่ทัน และมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อทางเดินหายใจ หากไม่ได้รักษาอย่างถูกต้องมีโอกาสจะพัฒนาเป็นโรค 'ปอดอักเสบ' ตามมาได้

“สงกรานต์” เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข และความสนุกสนาน และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการ เล่นน้ำสงกรานต์ กิจกรรมช่วยคลายร้อนที่ถูกใจทุกเพศทุกวัย ปัจจุบันมีหลายที่เปิดให้เล่นน้ำทั้งกลางวันและกลางคืน รวมทั้งมีการเฉลิมฉลองที่สนุกสุดเหวี่ยงต่อเนื่องกันหลายวัน ซึ่งอาจจะทำให้ร่างกายปรับอุณหภูมิไม่ทัน และมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อทางเดินหายใจ และป่วยได้ง่ายขึ้น

 

นายแพทย์ธนกร ทรรศนียศิลป์ อายุรแพทย์ระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลเวชธานี

 

นายแพทย์ธนกร ทรรศนียศิลป์ อายุรแพทย์ระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า การเล่นน้ำสงกรานต์เป็นระยะเวลานานอาจทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะอาจทำให้มีความเสี่ยงป่วยติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เพราะการเล่นน้ำทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง จึงมีความเสี่ยงในการติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจมากขึ้น เมื่อร่างกายเปียกชื้นตลอดทั้งวัน แล้วเจอกับสภาพอากาศร้อนจัด จะทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน นอกจากนี้ การต้องอยู่ในที่ที่มีคนเยอะๆ และเล่นน้ำที่ไม่สะอาดหรือมีการปนเปื้อน จะทำให้มีการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ง่าย จนทำให้เกิดอาการป่วยตามมา เช่น ร้อนๆ หนาวๆ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ น้ำมูกไหล ปวดเมื่อยตามตัว หากยังฝืนเล่นต่อไปหรือไม่ได้รักษาอย่างถูกต้องจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อและพัฒนาเป็นโรค “ปอดอักเสบ” ตามมาได้             

ปอดอักเสบ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าปอดบวม เกิดจากการอักเสบของเนื้อปอด โดยเฉพาะที่บริเวณถุงลม ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบอาจมีอาการแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ อายุของผู้ป่วย และความรุนแรงของโรค โดยทั่วไปมักมีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนนำมาก่อน เช่น มีไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ อาการปอดอักเสบที่พบบ่อยคือ ไข้ ไอ หายใจหอบเหนื่อย แต่ในบางรายอาจมีอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง เช่น มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ กระสับกระส่าย ผู้ป่วยบางรายจะมีหนาวสั่นได้ อาการของโรคจะรุนแรงในกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มที่มีโรคประจำตัวหรือมีภูมิต้านทานต่ำจะเกิดภาวะแทรกซ้อนจนถึงขั้นเสียชีวิตได้” นายแพทย์ธนกร กล่าว พร้อมให้คำแนะนำดังนี้

 

เตือน \'เล่นน้ำสงกรานต์\' อย่างไร ไม่เสี่ยง \'ปอดอักเสบ\'

 

ผู้ที่จะเล่นน้ำช่วงสงกรานต์ไม่ควรเล่นน้ำต่อเนื่องกันนานจนเกินไป หากเป็นผู้ใหญ่ไม่ควรที่จะเล่นน้ำติดต่อกันเกิน 4 ชั่วโมง ส่วนเด็กเล็กไม่ควรเล่นติดต่อกันเกิน 1 ชั่วโมง ซึ่งการเล่นน้ำทั้งกลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จะทำให้อุณหภูมิร่างกายปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา หากพักผ่อนน้อยจะทำให้ป่วยได้ง่าย ที่สำคัญในช่วงนี้มีอากาศร้อนจัดไม่ควรผสมน้ำแข็งลงไปในน้ำที่ใช้เล่น เพราะอุณหภูมิที่ต่างกันเกินไปของน้ำกับแสงแดด อาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะช็อกได้ และทำให้ป่วยได้ง่ายกว่าการใช้น้ำอุณหภูมิปกติ ส่วนน้ำที่นำมาเล่นควรเป็นน้ำสะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคที่อาจมากับน้ำ หลังจากเล่นน้ำเสร็จแล้ว ควรรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย แต่หากใครเล่นน้ำแล้วมีอาการไข้หวัดแล้วยังไม่หายภายใน 2 วัน ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม

                 

อย่างไรก็ตามปัจจุบันโรคปอดอักเสบสามารถป้องกันได้ และลดความรุนแรงรวมถึงภาวะแทรกซ้อน ด้วยวัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อนิวโมคอคคัส ควรฉีดในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ผู้ที่ไม่มีม้ามหรือม้ามทำหน้าที่ได้ไม่ดี ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง โรคพิษสุราเรื้อรัง โรคตับแข็งและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยที่ได้รับยาสเตียรอยด์ หรือยารักษาโรคมะเร็ง ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยที่มีน้ำในไขสันหลังรั่วซึม ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคปอดอักเสบได้เป็นอย่างดี

 

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ