Lifestyle

10 ข้อควรรู้ เมื่อต้องอยู่ท่ามกลาง 'ฝุ่น PM2.5' ที่วนกลับมาทุกๆ ปี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

10 ข้อควรรู้ เมื่อคนไทยต้องวนกลับมาเจอ 'ฝุ่น PM2.5' ทุกปี จะทำอย่างไรได้บ้าง เมื่อชีวิตที่ใช้ ต้องอยู่ท่ามกลาง PM2.5 เสี่ยงอันตรายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สภาพอากาศนิ่งและปิด ทำให้ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ ฝุ่น PM2.5 เพิ่มปริมาณขึ้นอีกครั้ง ทั้งยังแพร่กระจายในอากาศอย่างรวดเร็วทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด กรมอนามัย สธ. แจ้งว่า ย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระบบต่างๆ เช่น ระบบตา ผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ และระบบหัวใจและ หลอดเลือด หากร่างกายได้รับสัมผัส PM2.5 เข้าไป จะก่อให้เกิดอาการต่างๆ  โดยแบ่งความรุนแรงเป็นระดับต่างๆ ตั้งแต่

  • อาการระดับเล็กน้อย เช่น แสบตา คันตา น้ำตาไหล คัดจมูก มีน้ำมูก แสบจมูก แสบคอ ไอแห้งๆ คันตามร่างกาย มีผื่น
  • อาการระดับปานกลาง เช่น ตาแดง มองภาพไม่ชัด เลือดกำเดาไหล เสียงแหบ ไอมีเสมหะ หัวใจเต้นเร็ว และ
  • อาการระดับรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด เหนื่อยง่าย หากมีอาการรุนแรง ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที

 

ศ.ดร.พิเชษฐ์  วิริยะจิตรา

 

ศ.ดร.พิเชษฐ์  วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO  หัวหน้าคณะวิจัย Operation BIM ผู้คิดค้นและพัฒนา ผลิตภัณฑ์ภูมิคุ้มกันบำบัด และนวัตกรรมวัฒนชีวา แนะนำ 10 ข้อที่ควรทำในการป้องกัน และดูแลสุขภาพเชิงรุกในเบื้องต้นให้กับตัวเอง และคนใกล้ชิด เมื่อต้องอยู่ท่ามกลาง ฝุ่น PM2.5 ดังนี้

 

1.อัปเดตข่าวสาร - ในโลกยุคสื่อสารรวดเร็ว เราควรมีแอปพลิเคชันสำหรับมอนิเตอร์สภาพอากาศ และมลพิษร้ายแรงบนโทรศัพท์มือถือ หรือเช็คข่าวสารทางสื่อที่มีความน่าเชื่อถือเป็นประจำ

 

2.สวมหน้ากากให้เป็นปกติ - แม้ว่าหลายคนจะมีความคลายกังวลกับไวรัสโคโรน่า-19 ลงบ้างแล้ว แต่หน้ากากอนามัยมาตรฐานไม่เพียงช่วยให้คุณลดความเสี่ยงต่อเชื่อโรคทางอากาศต่างๆ แต่ยังกรอง PM2.5 ให้คุณมากถึง 40-60 % แม้ว่าจะอึดอัดอยู่บ้าง แต่ช่วยให้คุณปลอดภัยขึ้นมากจริงๆ

 

3.จิบน้ำบ่อยๆ - ฝุ่นระดับนาโน ที่เล็กกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางเส้นผมนับยี่สิบเท่านั้น พร้อมจะวิ่งผ่านระบบหายใจ ดวงตา และเนื้อเยื่ออ่อนไหวต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ ย่อมทำให้คุณรู้สึกระคายเคืองผิว และทางเดินระบบหายใจ คอแห้ง และหายใจไม่สะดวก การจิบน้ำอาจไม่ใช่การรักษา หรือป้องกัน แต่อย่างน้อยทำให้คอ และระบบทางเดินหายใจและทางเดินอาหารไม่ฝืดเคือง ติดขัดมากเกินไปนัก

 

4.กินอาหารให้หลากหลาย - ร่างกายต้องการสารอาหารพื้นฐานเพื่อผลิตพลังงานให้เพียงพอต่อการใช้งาน รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้โรคและรักษาสภาพระบบต่างๆ ของร่างกายให้ยังเป็นไปอย่างปกติที่สุด นั่นหมายความว่า การกินให้หลากหลาย คลอบคลุม จะทำให้คุณรับสิ่งที่ไปจัดการ ต่อสู้ พยุง หรือ ไม่แย่เกินไปนักหากเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา

 

5.ปิดบ้านให้มิดชิด - แม้ว่าจะทราบดีจากข้อก่อนหน้าว่า ฝุ่น PM 2.5 ที่ทำอันตรายต่อเรานั้นเล็กมาก แน่นอนว่ามันทะลุทะลวงลอดผ่านไปทุกกำแพง หน้าต่าง ประตูบ้าน แต่ปิดให้สนิท ย่อมดีกว่าเปิดกว้างรับลมที่มาพร้อมมลภาวะดังกล่าว และสะสมอย่างต่อเนื่องต่อไป

 

6.อยู่ในอาคารบ้านเรือนเป็นหลัก - หากไม่จำเป็นในช่วงฤดูที่อากาศนิ่งสงบ และการหมุนเวียนของสภาพอากาศต่ำ ดีที่สุดคือเลี่ยงการออกจากบ้าน หรือหากต้องเดินทางไปทำงาน ไปเรียน ไปทำธุระก็ให้เข้าสู่อาคารบ้านเรือนให้เร็วที่สุด และเลี่ยงการออกมาในที่กลางแจ้ง ลด หรืองดทุกกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงนั้นๆ

 

7.ทำความสะอาดจุดสะสมฝุ่น - เป็นโอกาสที่ดีที่จะล้างเครื่องปรับอากาศ พัดลม ชั้นหนังสือ ที่เก็บของ หรือจุดสะสมฝุ่น เพื่อไม่ให้เก็บกักฝุ่นมากขึ้นเป็นหลายเท่าตัว

 

8.เตรียมยาให้พร้อม - ผู้ที่มีความเสี่ยง อาทิ เด็ก คนชรา คนที่มีปัญหาด้านสุขภาพทั้งระบบทางเดินหายใจ ปอด หัวใจ ฯลฯ ควรพกยา หรือมีไว้ใกล้ตัวที่สุด พร้อมเมื่อต้องใช้ยามฉุกเฉิน

 

9.เสริมภูมิคุ้มกัน - นอกจากการออกกำลังกายให้แข็งแรงเป็นประจำ ให้พอเหมาะกับวัยและสภาพร่างกายแล้ว การเสริมด้วยวิตามิน หรือสารอาหารสำคัญต่างๆ ที่ร่างกายจำเป็นต้องนำไปช่วยเสริมประสิทธิภาพ ในการจัดการระบบภายใน จำต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนเสมอ

 

10.งดกิจกรรมเพิ่ม PM2.5 - การเผาไหม้ต่างๆ ทำได้ขอให้งด และหากคุณใช้รถใช้ถนนน้อยลง ใช้ขนส่งสาธารณะบ้าง หรือติดรถทางเดียวกันไปทำงาน รวมถึงอาหารปิ้ง ย่าง และการเผา ก็มีส่วนช่วยหยุดการเพิ่มมลพิษที่ว่าได้ เริ่มจากตัวเราเอง

 

10 ข้อควรรู้ เมื่อต้องอยู่ท่ามกลาง \'ฝุ่น PM2.5\' ที่วนกลับมาทุกๆ ปี

 

สำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ กินครบหมู่ ดูแลใจ และใช้ตัวช่วย ศ.ดร.พิเชษฐ์ แนะนำให้พิจารณาสองส่วนสำคัญคือ

  1. ความปลอดภัย น่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ คุณประโยชน์ที่ให้กับร่างกาย ทำไม อย่างไร
  2. ความคุ้มค่าที่ต้องจ่ายโดยยังคงให้ประโยชน์สูงสุด เมื่อความหนุ่มสาวและสุขภาพที่สมบูรณ์กำลังถูกพรากไปด้วยฝุ่นควันจากมลภาวะที่เป็นตัวเร่งกระบวนการเสื่อมของเซลภายใน และสุขภาวะองค์รวมภายใน ซึ่งสร้างความถดถอยที่มาพร้อมความชรา และยอมแพ้ต่อสัจธรรมและธรรมชาติ รวมไปถึงมลพิษที่เจือปน PM2.5 ซึ่งวนกลับมาทุกๆ ปี

 

“แม้เราไม่อาจหลบเลี่ยงมลภาวะทางอากาศได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และจำเป็นต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตปัจจุบัน แต่ด้วยการพัฒนาและวิจัยอย่างต่อเนื่องของวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน นวัตกรรมที่แก้ปัญหาตรงจุด เพื่อเสริมประสิทธิภาพของร่างกายเกิดขึ้นท่าม กล่างวาระเร่งด่วน คือการทำตัวเองให้พร้อมสู้ และรับผลที่จะเกิดขึ้นอย่างดีที่สุด” ศ.ดร.พิเชษฐ์  กล่าวทิ้งท้าย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ