Lifestyle

"โรคจูบ" เหมือน โรคหวัด แต่ไร้วัคซีนป้องกัน หายได้เอง แต่เสี่ยงตาย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทำความรู้จัก "โรคจูบ" Kissing Disease แค่หอมแก้มเด็ก ก็เป็นได้ อาการเหมือน โรคหวัด แต่ไร้วัคซีนป้องกัน หายได้เอง แต่เสี่ยงตายได้

จากกรณีที่พบเด็กหญิงวัย 7 ขวบคนหนึ่ง ในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ป่วยเป็นไข้สูงนานกว่า 1 สัปดาห์ ในตอนแรกคาดว่า น่าจะป่วยเป็นต่อมทอนซิลอักเสบ แต่ผลตรวจกลับพบว่า เธอป่วยเป็น "โรคจูบ" เชื่อว่า หลายคนอาจไม่คุ้นหูนัก กับโรคนี้ ว่ามันคืออะไร และคงคิดว่าโรคนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นบ่อยนัก

 

แต่ปัจจุบันพบว่า โรคจูบ สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วโลก โดยพบว่าในเด็กอายุ 5 ปี มีการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้อยู่ถึง 50% อายุ 25 ปี มีการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ 90-95% ส่วนในประเทศไทยพบว่า เด็กอายุ 15 ปี มีการติดเชื้อแล้วมากกว่า 90% จึงเป็นอีกหนึ่งโรคที่ทุกคนควรทำความรู้จัก

 

อ.ดร. นพ.นพพร อภิวัฒนากุล สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลว่า โรคจูบ (Kissing Disease) หรือ โรคโมโนนิวคลิโอซิส เกิดจากไวรัสเอ็บสไตบาร์ ( Epsterin Barr Virus หรือ EBV) เป็นเชื้อไวรัส ที่ไม่ได้จำกัดการแพร่เชื้อแค่การสัมผัส การจูบ แต่ติดต่อได้ง่ายจากสารคัดหลั่ง เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่วัยเด็ก ที่คุณพ่อคุณแม่ควรระวัง 

 

เมื่อมีคนอื่นเข้ามาสัมผัส หรือ หอมแก้มลูกน้อยของคุณ ก็สามารถติดโรคนี้ได้แล้ว ไปจนถึงวัยรุ่นและผู้ใหญ่ ที่สามารถติดเชื้อไวรัสนี้ได้จาก การไอ จาม การใช้อุปกรณ์ร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ มีดโกน แม้กระทั่งการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วย ก็สามารถติดเชื้อไวรัสนี้ได้


อาการโรคจูบ
          

โรคจูบ มีลักษณะคล้ายกับไข้หวัดทั่ว ๆ ไป ระหว่างผู้ติดเชื้อ EB ไวรัส แยกจากอาการค่อนข้างยาก ต้องตรวจจากเลือด เมื่อเราได้รับเชื้อแล้ว อาการจะแสดง 2-3 สัปดาห์ต่อมา และเชื้อจะยังติดอยู่กับเราไปตลอดชีวิต แม้เราจะรู้สึกว่าร่างกายปกติดี แต่เมื่อภูมิคุ้มกันต่ำ ร่างกายอ่อนแอ เข้าเชื้อไวรัสนี้จะกลับมากำเริบอีก โดยมีอาการ ดังนี้

 

โรคจูบ

 

  • เป็นไข้
  • เจ็บคอ
  • อ่อนเพลีย
  • เบื่ออาหาร
  • ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ

 

อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 3-4 วัน โดยไม่ต้องใช้ยารักษา แต่ในรายที่เป็นหนักจนเกิดอาการต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอใหญ่ขึ้นจนสังเกตได้ ม้ามโต ตับโต มีจุดสีขาวขึ้นบนต่อมทอนซิล และควรระวังโรคแทรกซ้อน หากเจออาการ เช่น ดีซ่าน ตับอักเสบ โลหิตจาง หายใจไม่ออก ควรรีบมาพบแพทย์ทันที

 

ระยะเวลาในการแสดงอาการ

 

หลังรับเชื้อเข้ามา 2-3 สัปดาห์ จึงจะมีอาการให้เห็น และเมื่อมีการติดเชื้อแล้ว เชื้อจะอยู่ในร่างกายไปตลอดชีวิต หากติดเชื้อในเด็ก จะไม่มีอาการ หรือแสดงอาการน้อยมาก แต่ถ้าหากติดเชื้อในวัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ จะมีอาการเจ็บคอ ไข้สูง โดยทั่วไปจะเจ็บคออยู่ประมาณ 3-4 วัน แล้วก็หายไปเอง ตัวโรคไม่มีความรุนแรงไม่อันตรายถึงชีวิต เว้นแต่บางกรณี ที่ต่อมทอนซิลโตมากจนกระทั่งไปปิดกั้นทางเดินหายใจ

 

ป่วย

 

และในบางราย ตัวโรคอาจทำให้เกิดมะเร็งได้ แต่โอกาสก็น้อยมาก อีกหนึ่งอาการคือม้ามจะมีขนาดโตขึ้น และเปราะบางมากขึ้น แพทย์มักแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬา ที่ทำให้เกิดการกระแทก 4-6 สัปดาห์ ป้องกันอาการม้ามแตก แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดได้น้อยมาก เพียงแต่เป็นคำแนะนำเบื้องต้นจากแพทย์ เมื่อรู้ว่าคนไข้เป็นโรคจูบ

 

วิธีการรักษาโรคจูบ

 

ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษา ผู้ป่วยโรคจูบ เฉพาะทาง แพทย์อาจรักษาตามสาเหตุ และอาการของแต่ละบุคคล โดยส่วนใหญ่แพทย์อาจแนะนำยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) เพื่อบรรเทาอาการบวมที่คอ และต่อมทอมซิล (อาการมักจะหายไปเองใน 1-2 เดือน)

 

การป้องกันไวรัส EB
          

ข่าวร้ายสำหรับเจ้าไวรัสนี้ คือ ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แม้ไวรัสนี้จะเกิดขึ้นมาบนโลกนี้นานมากแล้ว แต่สามารถป้องกันตัวเองได้ง่าย ๆ ด้วยการ กินร้อน ช้อนกลาง อาหารที่ปรุงสุก ถูกสุขลักษณะ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อจากผู้อื่น ที่เราหรือเขา อาจไม่รู้ตัว ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค และที่สำคัญงดการจูบกับผู้ที่มีเชื้อ
          
 

 

 

logoline