Lifestyle

"คุณแม่หลังคลอด" ควรรู้ วิธีดูแลตัวเอง หลังคลอด ให้ร่างกายแข็งแรง สดใส

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดวิธีดูแล "คุณแม่หลังคลอด" ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ภายหลังจากการคลอดบุตร เพื่อสุภาพร่างกายและจิตใจ ที่ แข็งแรง สดใส

ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์เศร้าสลด ที่ คุณแม่ ท่านหนึ่ง เกิดอาการ วูบหมดสติ ขณะที่กำลังอาบน้ำให้ลูกน้อยวัย 10 วัน จนเป็นเหตุให้ลูกน้อยจมน้ำเสียชีวิตนั้น ซึ่งส่วนหนึ่งของ อาการวูบ สาเหตุเกิดมาจากการที่ คุณแม่ อยู่ในช่วงพักฟื้น หลังคลอด ซึ่งอาการนี้มักเกิดขึ้นได้ง่าย เหตุการณ์นี้จึงเป็น อุทาหรณ์ ให้ "คุณแม่หลังคลอด" ทั้งหลายต้องดูแลสุขภาพตัวเองดีๆ ซึ่งครั้งนี้ ได้รวบรวมข้อมูลที่ "คุณแม่หลังคลอด" ต้องรู้เอาไว้ สำหรับการดูแลตัวเองในช่วงหลังคลอดใหม่ๆ ซึ่งโดยปกติแล้วสภาพร่างกายของ "คุณแม่หลังคลอด" จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติภายใน 6 - 8 สัปดาห์ รวมทั้งแผลที่เกิดจากการคลอดก็จะหายดีในช่วงระยะเวลานี้ด้วย

 

ด้านจิตใจ

 

หลังคลอด ใหม่ๆ ปริมาณฮอร์โมนในร่างกายของ คุณแม่ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้ง คุณแม่ ยังต้องปรับตัวกับบทบาทใหม่ อ่อนเพลียจากการคลอด กังวลใจกับสรีระของตนเอง และการเลี้ยงลูก จึงอาจทำให้รู้สึกเครียด หงุดหงิด หรือความ ซึมเศร้า แบบไม่มีเหตุผล ซึ่งเรียกว่า "ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด" ดังนั้น คุณพ่อจึงหรือคนใกล้ชิดจึงเป็นบุคคลสำคัญ หากได้ช่วยแบ่งเบาภาระในการเลี้ยงดูบุตร และดูแลงานบ้านแทนคุณแม่ ก็จะช่วยให้คุณแม่มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น รู้สึกมั่นใจและได้รับความรักอย่างเต็มที่

 

ด้านร่างกาย

 

1. การดูแลแผล

แผลฝีเย็บ ปกติแล้วคุณหมอจะเย็บด้วยไหมละลาย ซึ่งหลังคลอดประมาณ 7 วันแผลก็จะหาย แต่อาจจะรู้สึกเจ็บนานประมาณ 2 สัปดาห์ การทำความสะอาดสามารถใช้น้ำและสบู่ล้างจากด้านหน้าไปด้านหลัง และซับให้แห้งทันที ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ ไม่ควรสวนล้างช่องคลอดหรืออาบน้ำในอ่าง กรณี คุณแม่ เป็นริดสีดวงทวาร หากมีอาการปวดอาจจะประคบด้วยถุงน้ำแข็ง ใช้ครีมหรือยาเหน็บตามแพทย์สั่ง ดื่มน้ำและรับประทานผัก ผลไม้ที่มีกากใยสูง เพื่อลด อาการท้องผูก

 

แผลผ่าตัด คุณหมอจะเย็บด้วยไหมละลาย ไม่ต้องตัดไหม ปิดไว้ด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ คุณแม่สามารถอาบน้ำได้ แต่ถ้าสังเกตว่ามีน้ำซึมเข้าแผล ให้เปลี่ยนพลาสเตอร์ปิดแผลใหม่ทันที แผลจะหายในเวลาประมาณ 7 วัน หากเจ็บแผลขณะเคลื่อนไหว คุณแม่ อาจจะใช้ผ้ารัดหน้าท้องช่วยพยุงไว้ จะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้น

 

2. น้ำคาวปลา

คือน้ำคร่ำปนกับเลือดที่ออกจากแผลในมดลูกไหลออกมาทางช่องคลอด ในช่วง 3 วันแรกจะมีสีแดงเข้ม จากนั้นสีจะจางลงเรื่อยๆ คล้ายกับสีน้ำล้างเนื้อ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นมูกสีเหลืองๆ ตามปกติจะมีอยู่ประมาณ 2-3 สัปดาห์ ควรทำความสะอาดด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้งหลังการปัสสาวะหรืออุจจาระ และเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ

 

ตุณแม่หลังคลอด

 

3. การฟื้นตัวของมดลูก

ระหว่าง ตั้งครรภ์ มดลูกจะขยายตัวใหญ่ขึ้นกว่าปกติ แต่ หลังคลอด มดลูกก็จะหดตัวลงจนมีขนาดปกติและกลับเข้าสู่ตำแหน่งในอุ้งเชิงกราน ที่คนทั่วไปเรียกว่ามดลูกเข้าอู่ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4 - 6 สัปดาห์ หากมีอาการปวดมดลูก สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้

 

4. การดูแลเต้านม

โดยทั่วไป คุณแม่ จะมีขนาดของเต้านมที่ใหญ่ขึ้น และมีอาการคัดตึงในวันที่ 2-3 หลังคลอด ซึ่งเกิดจากภาวะที่ต่อมน้ำนมเริ่มผลิตน้ำนม เวลาอาบน้ำควรงดฟอกสบู่บริเวณลานนม เพื่อให้น้ำมันธรรมชาติที่ผิวหนังสร้างขึ้นยังคงอยู่ จะช่วยลดความเจ็บขณะลูกดูดนม หากมีอาการนมคัดแต่ยังไม่มีน้ำนม ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นประคบเต้านม และทานยาแก้ปวดได้

 

พยายามให้ลูกดูดนมบ่อยๆ เพื่อกระตุ้นให้มีการสร้างน้ำนมเร็วขึ้น หากมีน้ำนมไหลแล้ว ให้ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบเต้านมก่อนให้นมลูก ก็จะช่วยให้การไหลเวียนเลือดบริเวณเต้านมดีขึ้น ใช้สำลีชุบน้ำต้มสุกเช็ดทำความสะอาดหัวนมและลานนมทุกครั้ง ทั้งก่อนและหลังให้นมลูก

 

5. การรับประทานอาหาร

"คุณแม่หลังคลอด" ยังคงต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เหมือนในระยะ ตั้งครรภ์  เพราะต้องใช้พลังงานในการฟื้นฟูร่างกายของคุณแม่เองและผลิตน้ำนมสำหรับเลี้ยงลูก

 

ควรรับประทานอาหารประเภท ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ไข่ นม ลดอาหารประเภทแป้ง ไขมัน และของหมักดอง งดเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ การรับประทานยาควรได้รับคำแนะนำจากคุณหมอ เพราะยาบางชนิดหลั่งออกทางน้ำนมได้ โดยเฉพาะในช่วง 1 สัปดาห์แรก ควรปรึกษาแพทย์ว่าต้องงดยาใดบ้าง

 

คุณแม่หลังคลอด

 

6. การพักผ่อน

ช่วงที่พักฟื้นในโรงพยาบาล คุณแม่ จะได้พักผ่อนเต็มที่ แต่เมื่อกลับบ้านแล้ว ช่วงที่คุณพ่อคุณแม่ต้องปรับตัวกับวิถีชีวิตใหม่ ต้องดูแลตัวเอง ดูแลลูก และครอบครัว จึงควรจัดสรรเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ ให้เหมาะสม เช่น ทำความสะอาดเสื้อผ้าและของใช้ลูกวันละ 1 ครั้ง ควรมีเวลางีบหลับพักผ่อนขณะลูกหลับ เพื่อไม่ให้ คุณแม่ เหนื่อยล้าหรืออ่อนเพลียเกินไป

 

7. กิจกรรมที่คุณแม่ "ไม่ควรทำ" ในช่วง 6 สัปดาห์แรก หลังคลอด

- ไม่ควรยกของที่มีน้ำหนักมากกว่าน้ำหนักของทารก

- ไม่ควรออกแรงเบ่งมากๆ หรือนานๆ

- ไม่ควรเดินขึ้น-ลงบันไดบ่อยๆ

- ไม่ควรขับรถโดยไม่จำเป็น

- ไม่ควรออกกำลังกายหักโหม ทำได้เฉพาะท่ากายบริหารเบาๆ

 

8. การมีเพศสัมพันธ์

คุณแม่ อาจมีความรู้สึกทางเพศลดลงเนื่องจากความอ่อนเพลีย กังวล และความไม่สบายกาย หรือเจ็บแผล จึงควรงดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 4-6 สัปดาห์แรก หลังคลอด หรือจนกว่าจะ ได้รับการตรวจสุขภาพหลังคลอด และวางแผนคุมกำเนิดแล้ว

 

9. การตรวจหลังคลอด

แพทย์จะนัด คุณแม่ ให้มาตรวจสุขภาพ 4 - 6 สัปดาห์หลังคลอด เช่น ตรวจความสมบูรณ์ของร่างกาย ตรวจดูสภาพของปากมดลูกและอวัยวะภายในอุ้งเชิงกราน หรือ แผลผ่าตัด หน้าท้องกรณีผ่าตัดคลอด ตรวจความเสี่ยง มะเร็งปากมดลูก ให้คำแนะนำเรื่องการวางแผนครอบครัว และคุมกำเนิดที่เหมาะสมในช่วงหลังคลอด

 

อาการผิดปกติ หลังคลอด ที่ควรรีบมาพบแพทย์

- มีไข้สูงโดยไม่ทราบสาเหตุ

- น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น หรือมีสีแดงสดตลอด 15 วันหลังคลอด

- ปวดท้องน้อย เจ็บปวด หรือแสบขัดเวลาปัสสาวะ

- ปวดศีรษะรุนแรง

- เต้านมบวมแดง อักเสบ หัวนมแตกเป็นแผล

- แผลฝีเย็บ หรือ แผลผ่าตัด อักเสบ บวม แดง หรือมีหนอง

 

คุณแม่หลังคลอด

 

ข้อมูล : โรงพยาบาลเปาโลโชคชัย4

 

ติดตาม คมชัดลึก ที่นี่
Facebook : https://www.facebook.com/komchadluek/
YouTube : https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ