ไลฟ์สไตล์

ฝนฟ้าคะนอง อย่าชะล่าใจ เปิด 6 วิธี ป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า

ฝนฟ้าคะนอง อย่าชะล่าใจ เปิด 6 วิธี ป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า

14 ต.ค. 2568

ช่วงนี้ฟ้าผ่า เกิดขึ้นบ่อยครั้งในหลายพื้นที่ เปิด 6 วิธี ป้องกันอันตราย สิ่งที่ควรทำ เพื่อความปลอดภัย

ฟ้าผ่ามีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงการเปลี่ยนจากฤดูฝนเป็นฤดูหนาว ซึ่งจะเริ่มประมาณกลางเดือนตุลาคม โดยลักษณะอากาศจะแปรปรวน มีฝนในบางพื้นที่และอากาศเย็นในตอนเช้า ก่อนจะเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนตุลาคม หรือต้นเดือนพฤศจิกายน

อย่างไรก็ตาม พบว่าในหลายพื้นที่ของประเทศไทย เกิดฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และฟ้าผ่า ยกตัวอย่างล่าสุด ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และลำพูน เสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว จนบ้านสะเทือน จนสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนในพื้นที่

กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เผยถึง วิธีป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า ดังนี้

 

1. เมื่อเกิดพายุฝนฟ้าคะนองควรหลีกเลี่ยงการอยู่บนที่โล่งแจ้ง เช่น ทุ่งนา หรือสนามเด็กเล่นที่ปราศจากต้นไม้หากเกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าการอยู่ในที่โล่งแจ้ง กระแสไฟฟ้าจากฟ้าผ่าจะวิ่งตรงมาสู่ตัวเรา และไม่สวมใส่หรือมีสารที่เป็นสื่อไฟฟ้า เช่น สร้อยคอ แท่งโลหะ

2. สำหรับการปลูกสร้างอาคารสูงควรติดตั้งสายล่อฟ้าไว้บนยอดอาคารและเดินสายกราวน์ไปยังพื้นดิน เพื่อเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าจากอากาศให้รีบผ่านลงสู่พื้นดิน โดยไม่สร้างความเสียหายให้แก่ตัวอาคาร

3. ในกรณีที่อยู่ในที่โล่งแจ้งขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ให้นั่งหมอบพร้อมย่อตัวให้ต่ำและชิดกับพื้นดินให้มากที่สุด ถ้านั่งด้วยขาเดียวจะปลอดภัยมากขึ้น ห้ามนอนราบกับพื้นดินเด็ดขาดเมื่อเกิดฟ้าผ่า

4. หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้เสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณา หรือโครงสร้างที่เป็นตัวนำไฟฟ้า

5. ห้ามยืนพิงต้นไม้ที่สูงเด่นกว่าต้นอื่น

6. ควรอยู่ในอาคารที่มีการติดตั้งระบบป้องกันฟ้าผ่า และไม่ควรใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ หรืออยู่ใกล้กับประตูหน้าต่างที่มีขอบเป็นโลหะ
 

ฝนฟ้าคะนอง อย่าชะล่าใจ เปิด 6 วิธี ป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า

ใช้มือถือขณะฝนตก ล่อฟ้าผ่าจริงหรือไม่

 

ความเชื่อที่ว่าเล่นมือถือขณะฝนตกทำให้ฟ้าผ่าจริงๆ แล้วมีความเป็นไปได้น้อยมาก เพราะมือถือไม่ได้เป็นสื่อล่อฟ้า การใช้มือถือในขณะที่ฝนตกไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้โดนฟ้าผ่า เพราะจากการทดลองของ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พบว่าฟ้าไม่ผ่าลงโทรศัพท์มือถือ และทุกเครื่องยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ และโทรศัพท์เวลาใช้งานจะอยู่ต่ำกว่าตัวคน

ที่สำคัญพลังงานของสัญญาณโทรศัพท์มือถือไม่สามารถทำให้อากาศแตกตัวเป็นตัวนำได้ พร้อมกันนี้ยังมีรายงานว่าการใช้โทรศัพท์อยู่ใกล้บริเวณที่เกิดฟ้าผ่า อาจจะมีผลเหนี่ยวนำให้แบตเตอรี่เกิดการลัดวงจรและเกิดการระเบิดจนเป็นสาเหตุ ของการบาดเจ็บได้ เป็นผลข้างเคียงแต่ไม่ใช่สื่อล่อให้ฟ้าผ่า อย่างไรก็ดีการใช้โทรศัพท์มือถือในสภาวะที่เกิดฝนฟ้าคะนอง ก็นับเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง เพราะหากน้ำเข้าโทรศัพท์ก็มีโอกาสทำให้แบตเตอรี่เกิดการลัดวงจรได้เช่นเดียวกัน

 

 

ขอบคุณข้อมูล : กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม