ทำสี "เล็บเจล" อบแสงยูวี ก่อ มะเร็งผิวหนัง จริงหรือ?

ทำสี “เล็บเจล” เทรนด์ความสวยความงามของบรรดาคุณสาว ๆ ที่ผสมผสานระหว่างสีทาเล็บ กับ เจลเนื้ออ่อน (Soak off Gel) ที่ใช้ในการเคลือบเล็บ และต้องใช้เครื่องอบเล็บในการทำให้สีเจลแห้ง มีอายุเฉลี่ยประมาณ 1 เดือน ไม่สามารถล้างออกด้วยน้ำยาล้างเล็บทั่วไป แต่ก็มีการแชร์ข้อมูลออกมากว่า การทำสีเล็บเจล อบแสงยูวี ก่อมะเร็ง

 

หลังจากที่เป็นที่สงสัยกันมานานกับประเด็นนี้ ล่าสุด มีงานวิจัยที่ออกมาให้หลักฐานที่ชัดเจนขึ้น ว่าการใช้เครื่องอบแสงยูวีสำหรับการทำสีเจลบนเล็บนั้น สามารถที่จะก่อให้เกิดอันตรายได้ โดยระบุว่า แสงยูวี (หรือ อัลตราไวโอเล็ต) จะก่อให้เกิดการตายของเซลล์ และทำให้เกิดการกลายพันธุ์ที่นำไปสู่โรคมะเร็งผิวหนังได้

โดย "อ.เจษฎ์" ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยกผลงานวิจัย ของ Maria Zhivagui และคณะ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก (University of California, San Diego) ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ไอเดียที่จะศึกษาเรื่องนี้ ระหว่างที่เธอกำลังศึกษาปริญญาเอก และประจวบกับที่เธอชอบทำสี “เล็บเจล” มา 2-3 ปีแล้ว เพราะมันติดทนนานกว่าสีทาเล็บทั่วไป แต่พอเธอทำวิจัยเสร็จ และพบว่า การฉายแสงยูวีแค่ครั้งละ 20 นาที สามารถทำให้เซลล์ตายและกลายพันธุ์ได้ เธอบอกว่า เธอตกใจจนเลิกทำสีเล็บเจลแบบนี้อีกต่อไป

 

ศาสตราจารย์ Ludmil Alexandrov ซึ่งเป็นผู้ดูแลงานวิจัยนี้ ระบุว่า งานวิจัยชิ้นนี้น่าจะเป็นการศึกษาอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก ถึงผลของเครื่องอบสีเล็บด้วยแสงยูวีต่อเซลล์ของมนุษย์ และเล่าว่า เขาตัดสินใจที่จะทำการวิจัยนี้ หลังจากที่เห็นข่าวมีผู้ประกวดนางงามวัยรุ่น ที่เป็นโรคมะเร็งผิวหนังชนิดหาได้ยาก บนนิ้วมือของเธอ เลยตามศึกษางานวิจัยเก่าก่อนนี้ ที่รายงานถึงเคสคนที่ทำสีเล็บเจลบ่อยมาก ๆ เช่น พวกประกวดนางงาม และคนที่รักสวยรักงาม แล้วเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดหายากที่นิ้วมือ ซึ่งแสดงว่า มีความสัมพันธ์กันระหว่างการทำสีเล็บกับมะเร็งชนิดนี้ เพียงแต่ยังไม่เคยมีใครทำวิจัยศึกษาลึกซึ้งลงไประดับเซลล์ระดับดีเอ็นเอมาก่อน

ผลงานวิจัยของพวกเขาได้ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Communications อันมีชื่อเสียงโด่งดัง ฉบับวันที่ 17 มกราคม 2566  ระบุถึงการใช้เครื่องอบสีเล็บเจล ที่จะใช้แสงยูวีฉายอยู่ในช่วงความยาวคลื่น 340-395 นาโนเมตรนั้น สามารถทำลายเซลล์ของมนุษย์ได้

 

ในงานวิจัยนี้ พวกเขาได้ใช้เซลล์ที่เพาะเลี้ยงไว้ 3 ชนิด ได้แก่ เซลล์เคราติโนไซต์ (keratinocyte เป็นเซลล์หลักที่พบในหนังกำพร้าชั้นนอกสุด) ของมนุษย์ เซลล์ไฟโบรบลาสต์ (fibroblast เป็นเซลล์ในผิวหนัง ที่เป็นตัวสร้างโปรตีนคอลลาเจนและอิลาสติน) ของมนุษย์ และเซลล์ไฟโบรบลาสต์จากตัวอ่อนของหนู 

 

โดยนำเซลล์เหล่านั้นมาไว้ในจานเพาะเชื้อ และใช้เครื่องอบสีเล็บ ฉายแสงยูวีใส่ลงไป ทั้งแบบเฉียบพลัน (acute ฉายแสงขนาด 9 จูล/ตารางเซนติเมตร (Joules per centimeter2, J/cm2) เป็นเวลานาน 20 นาที สองครั้งต่อกัน ในวันเดียว) และแบบเรื้อรัง (chronic ฉายแสงสามครั้ง เป็นเวลาสามวันต่อกัน) เทียบกับชุดที่ไม่ได้ฉายแสง 

 

ผลลัพธ์ที่ได้นั้น พบว่า การฉายแสงยูวีด้วยเครื่องอบเล็บเป็นเวลา 20 นาทีไปหนึ่งครั้ง ทำให้เซลล์ตายไป 20-30% และถ้าฉายแสง 3 ครั้งต่อกัน เซลล์จะตายไปถึง  65-70% นอกจากนี้ ยังพบว่า แสงยูวีได้ทำความเสียหายให้กับไมโตคอนเดรีย (เป็นองค์ประกอบภายในเซลล์) และดีเอ็นเอของเซลล์ที่ยังรอดอยู่ โดยเกิดการกลายพันธุ์ขึ้นในแบบเดียวกับที่พบในเซลล์มะเร็งของมนุษย์

 

คณะวิจัยจึงสรุปว่า ผลการศึกษานี้เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า การฉายยูวีด้วยเครื่องอบเล็บนั้น อาจจะทำให้เกิดมะเร็งขึ้นที่มือได้ คล้ายกับในกรณีที่เคยเกิดปัญหาขึ้นกับการใช้ เตียงอาบแดด (tanning bed) ที่พบว่า เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งผิวหนัง แต่คณะวิจัยก็โน้ตไว้ด้วยว่า ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอีกมาก โดยเฉพาะในทางระบาดวิทยา เพื่อยืนยันถึงความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งผิวหนังที่มือของคนที่ไปฉายแสงทำเล็บแบบนี้เป็นประจำ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายทศวรรษกว่าจะเสร็จสิ้นการศึกษา

อ.เจษฎ์ ระบุว่า โดยทั่วไปแล้ว เครื่องฉายแสงยูวีสำหรับอบสีเล็บนั้น ฉายแสงออกมาในกำลังที่ต่ำกว่า และใช้เวลาสั้นกว่าการทดลองดังกล่าวมาก ถ้าไม่ได้ทำเล็บด้วยเครื่องนี้บ่อย ๆ ก็ไม่น่าจะต้องกังวลมากจนเกินไป

 

ส่วนถ้ายังมีความกังวลอยู่ ทางเพจของ Cancer Council ประเทศออสเตรเลีย แนะนำว่า ให้ใช้ ซันสกรีน ครีมทากันแดด สำหรับแสงในสเปรกตรัมกว้าง ๆ ที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป ทาที่ผิวมือประมาณ 20 นาทีก่อนที่จะฉายแสง หรือไม่ก็ใช้ถุงมือชนิดเปิดเฉพาะปลายนิ้ว ซึ่งร้านทำเล็บน่าจะมีบริการให้กับลูกค้า

 

นอกจากนี้ ยังแนะนำว่า ความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังได้สูงที่สุดนั้น ก็ยังคงมาจากการได้รับรังสียูวีจากดวงอาทิตย์มากเกินไป จึงควรจะป้องกันตนเองจากแสงแดด (โดยเฉพาะในวันที่ระดับของรังสียูวีขึ้นถึงระดับ 3 ) นั้นคือ ใส่เสื้อผ้าปิดบังผิว , ทาซันสกรีน ที่ SPF 30 ขึ้นไป , ใส่หมวกปีกกว้าง , เข้าร่ม , และใส่แว่นตากันแดด