ช่วงฤดูฝน 'ดูแลผิว' อย่างไร ห่างไกลทุกปัญหา ผู้เชี่ยวชาญ แนะนำให้ทำวิธีนี้
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แนะวิธี 'ดูแลสุขภาพผิว' อย่างไร ให้ห่างไกลจากปัญหาผิวใน 'ช่วงฤดูฝน'
“ช่วงฤดูฝน” สภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยทั้งร้อนอบอ้าวและมีความชื้นในอากาศสูง นอกจากจะทำให้รู้สึกไม่สบายผิวแล้ว อากาศที่ชื้นหากรวมกับสิ่งสกปรก เหงื่อ และฝุ่นละอองที่จับตัวบนผิว อาจทำให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ ตามมา วันนี้แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ‘ธัญ’ (THANN) ร่วมกับ พญ.พลอยลดา ธนาไพศาลวรกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม จะมาแนะวิธี ดูแลสุขภาพผิว ให้ห่างไกลจาก ปัญหาผิว ช่วงฤดูฝน
พญ.พลอยลดา กล่าวว่า ช่วงฤดูฝน ถึงแม้ว่าจะอากาศเย็นสบาย ชุ่มฉ่ำ แต่ความจริงแล้วความชื้นในอากาศสามารถทำร้ายผิวได้ โดยสภาพอากาศก่อนฝนตกจะเกิดความกดอากาศทำให้รู้สึกร้อนอบอ้าว ร่างกายจึงต้องปรับสภาพตาม ด้วยการผลิตน้ำมันออกมาเพื่อเป็นเกราะป้องกันผิว ทำให้ต่อมไขมันทำงานมากเกินไป นอกจากจะทำให้ผิวหน้ามันเยิ้มแล้ว ยังส่งผลต่อการเกิดปัญหาสิวบริเวณใบหน้า จมูก และแก้มอีกด้วย
ปัญหาสิวสามารถเกิดได้กับทุกสภาพผิว และพบได้บ่อยใน ช่วงฤดูฝน เนื่องจากน้ำฝนมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ และมีสิ่งปนเปื้อนทั้งเชื้อโรค ฝุ่นละออง และสารเคมีที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ หากผิวสัมผัสกับละอองฝนแล้วไม่รีบทำความสะอาดร่างกายในทันที เมื่อสิ่งสกปรกที่ปนเปื้อนในน้ำฝนเจอกับเชื้อจุลินทรีย์ประจำถิ่น พวกเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราที่อยู่ตามผิวและรูขุมขน ซึ่งจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาวะอากาศร้อนชื้นบวกกับคราบเหงื่อไคล และความมันบนผิวหน้า ทำให้เกิดอาการอักเสบของรูขุมขน และเกิดเป็นสิวอุดตัน สิวผด และสิวอักเสบตามมา
เมื่อเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงสภาพอากาศในหน้าฝนได้ สิ่งที่สามารถทำได้เพื่อให้ห่างไกลจากปัญหาผิวมันเยิ้มและสิว คือ การทำความสะอาดผิวหน้าทันทีเมื่อกลับถึงบ้าน เป็นการยับยั้งและลดจำนวนเชื้อที่ทำให้เกิดสิว โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีความอ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน และเหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน ควรล้างหน้าให้สะอาดวันละ 1-2 ครั้ง
อีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามหลังการล้างทำความสะอาดผิวหน้า คือ การบำรุงและฟื้นฟูสภาพผิว เนื่องจากผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นตามธรรมชาติหลังการล้างหน้า หากขาดการบำรุงและฟื้นฟูสภาพผิวก็จะทำให้ผิวอ่อนแอลง และส่งผลเสียตามมาอีกมากมาย เช่น ผิวขาดความชุ่มชื้น ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง เป็นต้น
ทั้งนี้เราสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการฟื้นบำรุงผิว โดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง อย่างสารสกัดจากใบชิโซะ ที่มีความโดดเด่นในด้านการให้ความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพของผิว อีกทั้งยังช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมน้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันโจโจ้บา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส และไม่ควรลืมทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน เพื่อปกป้องและเสริมความแข็งแรงให้กับผิวหนังชั้นนอก ทั้งรังสี UVA และ UVB และป้องกันไม่ให้แสงแดดไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของสิว ไม่ควรจับหน้า บีบ หรือแกะสิวบ่อยๆ เพราะอาจทำให้สิวยิ่งอักเสบได้ หรือหากจำเป็นต้องสัมผัสหน้าก็ควรล้างมือให้สะอาด ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ เพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป สามารถคำนวณได้จากน้ำหนักตัว (ก.ก.) x 33 =… ซีซี (1,000 ซีซี = 1 ลิตร, 1 ลิตร = 4 แก้ว) รับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3, วิตามินเอ บี ซี อี เพื่อลดการอักเสบของผิวหนัง และอีกสิ่งที่สำคัญ คือ ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
นอกจากนี้ ช่วงฤดูฝน ที่มีความชื้นในอากาศสูงจะทำให้พวกเชื้อโรค เชื้อราและแบคทีเรียเติบโตได้ดี ไม่ควรปล่อยให้ความเปียกชื้นอยู่กับตัวในระหว่างวัน เพราะจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดผื่นผิวหนังอักเสบ หรือเชื้อราตามผิวหนังได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการปล่อยให้ร่างกายเปียกชื้น และควรรีบอาบน้ำเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แห้งทันที