ไลฟ์สไตล์

พิชิตปัญหาสัตว์เลี้ยง - แพ้นก

พิชิตปัญหาสัตว์เลี้ยง - แพ้นก

05 มิ.ย. 2554

นกเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมในสังคมบ้านเรามานมนาน และยิ่งเพิ่มความนิยมขึ้นโดยขยายชนิดหรือพันธุ์นกที่เลี้ยงออกไปมากกว่าแต่ก่อน จากนกขุนทอง นกเขา นกแก้ว ก็มาเป็นนกพิราบ นกกระตั้ว นกมาคอว์ นกฟินซ์ ฯลฯ

ในบรรดานกทั้งหลาย มีนกกลุ่มหนึ่งที่มีการปล่อยสิ่งที่เป็นสารก่อให้เกิดอาการแพ้ในคนเรา โดยเป็นองค์ประกอบของโปรตีนอยู่ใน “แป้ง” ที่ร่วงปลิวออกมาจากขนนก มันมีลักษณะเป็นผงสีขาวละเอียดคล้ายแป้งฝุ่น ผู้ที่เลี้ยงนกพิราบจะคุ้นเคยเพราะพบได้มากในนกพิราบ และนกในกลุ่มนกแก้ว คือนกกระตั้ว นกแก้วอาฟริกันเกรย์ นกคอกคาทีล ฯลฯ

 สารก่อภูมิแพ้ใน “แป้ง” จากนกเหล่านี้มีแหล่งที่มาสำคัญคือฝุ่นละออง และรังแคจากขน ลำพังตัวขนนกเองมิใช่ตัวก่อการมากนัก เมื่อนกไซ้ขนตกแต่งตัวเองมีการกระพือและตีปีกจะเป็นการเขย่าให้เหล่าฝุ่นละออง และรังแคที่เกาะตามขนให้ฟุ้งกระจายออกมาในบรรยากาศรอบๆ กรงของมัน รวมถึงเศษขนที่ร่วงหล่นออกมาหลังนกผลัดขนจะฟุ้งกระจานลอยไปได้ทั่วบริเวณที่เลี้ยงนก

  ยิ่งเป็นห้องอับ ปิดมิดชิด เช่นห้องปรับอากาศล่ะก็การฟุ้งกระจายจะเกิดได้ตลอดเวลา ตลอดจนมีโอกาสสัมผัสผู้คนในห้องสูงกว่าการเลี้ยงในที่เปิดโล่งแจ้ง นอกจากนี้ขี้นกที่ปล่อยทิ้งไว้ในถาดรองกรง เมื่อแห้งก็จะเกิดเป็นฝุ่นฟุ้งกระจายออกไปง่ายกว่าขี้ที่นกขับออกมาใหม่ๆ ยังเปียกอยู่จะไม่ฟุ้งจึงควรทำความสะอาด กำจัดขี้นกบ่อยครั้งอย่ารอจนแห้ง !

 มาดูเรื่องแป้งนก ที่เป็นตัวก่อการแพ้สำคัญในคนเรานั้น ในนกทั่วๆ ไป จะมีต่อมน้ำมันโคนหางที่นกใช้ไซ้เพื่อชโลมปกป้องขนทั้งตัวของมันให้มีคุณสมบัติกันน้ำได้ แต่ขณะเดียวกันก็เกิดความเหนียวเหนอะขึ้น จึงมีเศษผิว และรังแคจากขนมาเกาะติดจำนวนมาก แต่ในนกที่มีต่อมน้ำมันขนาดเล็กหรือมีน้ำมันน้อย หรือไม่มีเลย มันจำเป็นต้องมีสารอื่นมาชโลมขนตัวเองเพื่อให้เกิดการป้องกันน้ำ รักษาความสะอาดเป็นระเบียบของขนไว้โดยเมื่อขนมีการผลัดขน

 ขนนกที่ขึ้นมาใหม่จะงอกขึ้นมาจากรูขุมขนเดิม และบริเวณผิวชั้นนอกที่ห่อขนไว้เป็นสารพวกเคราติน ที่แตกออกเป็นผงคล้ายแป้งฝุ่น ซึ่งนกใช้แทนน้ำมันนั่นเอง มันจะถูกนกใช้ปากไซ้ให้กระจายเคลือบไปทั่วตัว ทำให้ขนของมันถูกป้องกันความเปียกชื้นจากน้ำฝน และสร้างฉนวนของร่างกายให้เกิดขึ้น

 เจ้าแป้งนกนี่แหละที่เป็นโปรตีนก่อการแพ้ขึ้นในคนที่มีความไวต่อสารก่อภูมิแพ้จนแสดงอาการภูมิแพ้ ไอ จาม หอบ หืด และปัญหาของระบบทางเดินหายใจ อื่นๆ นั่นเอง แป้งเหล่านี้ที่ถูกปล่อยจากตัวนกจะฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณที่เลี้ยงนกไว้ แล้วไปเกาะติดตามพื้น พรม ผ้าม่าน เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงบนผิวพื้นต่างๆ โดยทั่วไป

  นอกจากนี้ถ้าเป็นนกเชื่องก็จะถูกลูบไล้จับต้องเล่นเป็นประจำ แป้งที่ติดมือและร่วงออกมาเมื่อถูกสัมผัสยังสามารถแพร่กระจายไปกับคนที่สัมผัสนก ตลอดจนพาไปสู่ที่ต่างๆ ได้ด้วย เมื่อใช้มือที่มีแป้งนกติดอยู่จับต้องวัตถุอื่นๆ รวมถึงส่วนของร่างกายด้วย โอกาสแพร่และแพ้แป้งนกจึงเป็นไปได้อย่างคาดไม่ถึง

 ฉะนั้นถ้าท่านเป็นโรคภูมิแพ้ แพ้นกล่ะก็ โปรดหลีกเลี่ยงการเลี้ยงนกในห้องปิดมิดชิด หมั่นเปลี่ยนและทำความสะอาดถาดรองขี้นก ดูดฝุ่น และเก็บกวาดขนนกที่ร่วงหล่นตลอดเวลา ล้างมือให้สะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สวมใส่เมื่อเล่นหรือคลุกคลีสัมผัสตัวนก ฯลฯ  จะช่วยลดการเกิดอาการแพ้นกลงได้ครับ !

รศ.น.สพ.ปานเทพ รัตนากร