"หนู กันภัย"หนุนวธ.คุมเข้มสักรูปพระ | คมชัดลึก

 (31พ.ค.) จากการที่วธ.เตียมชงกฎหมายห้ามสักรูปพระ สิ่งศักสิทธิ์ในทุกศาสนา ตามร่างกาย เนื่องจากพบชาวต่างชาติฮิตมาสักในประเทศไทยและนำไปสักไว้ในร่างกายอย่างไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นข้อเท้า หัวไหล่ หน้าอกนั้น เมื่อวันที่ 31 นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ส่วนใหญ่การสักตามร่างกายคนไทยจะนิยมสักยันต์ หรือคาถาต่างๆ

  แต่การที่นำรูปพระพุทธรูป หรือรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาสนิกชนเคารพมาสักไว้ในร่างกายก็สามารถทำได้ หากสักไว้ในที่สูงเช่น ศีรษะ คอ เป็นต้น โดยผู้ที่สักรูปพระจะต้องประพฤติตนให้เหมาะสม ไม่ใช่สักรูปพระแล้วถอดเสื้อนั่งดื่มสุรา หรือไปทะเลาะวิวาทกัน อย่างนี้ก็ถือว่าไม่เหมาะ อย่างไรก็ตามส่วนตัวเห็นว่า การสักรูปพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในทุกศาสนาไว้ในร่างกายเป็นสิ่งที่หมิ่นเหม่ จึงไม่เหมาะที่จะนำมาสักไว้ในร่างกาย

 “แต่เท่าที่เห็นมีหลายคนโดยเฉพาะชาวต่างชาติ จะสักรูปพระไว้ที่หน้าอกก็ถือว่าไม่เหมาะ รวมทั้งชาวต่างชาติเหล่านี้ก็ไม่รู้ว่า สิ่งที่เขาสักนั้น เป็นสิ่งที่ชาวพุทธเคารพบูชา ดังนั้น ผมจึงอยากให้มีการให้ความรู้ชาวต่างชาติ รวมทั้งไม่ควรที่จะนำรูปพระไปสักไว้ในร่างกายไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนก็ตามแต่ อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรที่จะสิ่งที่ผู้คนเคารพบูชา มาทำเป็นงานศิลปะ เพราะอาจจะกระทบต่อความรู้สึกของผู้พบเห็นได้”ผอ.พศ.กล่าว

 ด้านนายปิยะบุตร    จิวระโมไนย์กุล นายกสมาคมผู้ประกอบการค้าถนนข้าวสาร กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ขอความร่วมมือจังหวัดต่าง ๆ ให้เข้มงวดตรวจสอบร้านให้บริการสัก (TATTO) ที่ใช้สัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาให้กับนักท่องเที่ยว ในลักษณะที่ไม่เหมาะสม โดยถนนข้าวสารเป็นสถานที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยม ว่า ต้องยอมรับว่าบนถนนข้าวสารมีร้านให้บริการสักอยู่หลายร้านทั้งภายในและรอบนอก

  แต่เป็นร้านค้าอิสระ ไม่ได้เป็นสมาชิกสมาคม ดังนั้น ทางสมาคมฯ จึงไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือขอความร่วมมือได้ ซึ่งความนิยมเรื่องการสักนั้น บนนถนนข้าวสารมีมานานแล้ว โดยเฉพาะในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยช่วงหนึ่งมีความนิยมสักลายสักยันต์ของหลวงพ่อเปิ่นวัดบางพระ เป็นต้น

"หนู  กันภัย"หนุนวธ.คุมเข้มสักรูปพระ

นายสมพงษ์ กันภัย หรือที่รู้จักกันดีในนามอาจารย์หนู กันภัย เจ้าสำนักสักยันต์ชื่อดังของจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ตนเองนั้นเห็นด้วยกับแนวทางของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เพราะรูปพระพุทธเจ้า พระพิฆเณศร์ หรือรูปเคารพต่างๆในศาสนาพุทธ หรือศานาอื่นๆนั้น ถือเป็นของสูง ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะนำไปสักไว้ในที่ต่ำ อย่าง ขอเท้า หรือจุดที่ไม่เหมสะสมอื่นๆ  อันถือเป็นการลบหลู่ โดยเฉพาะชาวพุทธ จะทราบกันดีและที่ผ่านมาก็ไม่พบว่าคนที่นับถือศาสนาพุทธ หรือคนไทยเราจะทำแบบนั้น  อย่างไรก็ตามยอมรับว่าที่ผ่านมานั้นก็มีชาวต่างชาติ มาขอให้สักยันต์รูปเคารพแบบนี้ให้ โดยจะให้สักในที่ต่ำกว่านั้น แต่ตนเองไม่เคยสักให้และยังให้คำแนะนำไปด้วยว่าไม่สมควร ถือเป็นการลบหลู่อย่างมาก จึงเห็นด้วยที่ทางกระทรวงวัฒนาธรรม ออกมาให้ความสนใจและดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง

 พระสำอางค์ ปภสสโร เจ้าอาวาสวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม  เจ้าสำนักสำนักสักยันต์ที่ได้รับความนิยม กล่าวว่า  การสักยันต์รูปพระพิฆเนศวร์ไว้ที่บริเวณขา เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง  ทั้งนี้การสักยันต์รูปเทพหรือพระจะต้องสักไว้ในที่สูง อย่างบริเวณลำตัวขึ้นไป "ไม่ใช่นึกอยากจะสักไว้ตรงไหนก็ได้ เพื่อความสวยงาม พระพิฆเนศวร์เป็นเทพชั้นสูงที่คนทั่วไปมีความนับถือและกราบไหว้สักการะบูชา การที่นำไปสักไว้ในที่ต่ำอย่างบริเวณขา เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ทางสำนักสักยันต์ของวัดบางพระเอง ก็ไม่เคยที่จะสักยันต์เทพ หรือพระในลักษณะนั้น การจะสักในที่ต่ำได้ก็ต้องเป็นลายยันต์ประเภทปลัดขิก อุทัยเทวี (รูปคางคก) หรือจิ้งจก อีเป๋อ "

 พระสำอางค์ กล่าวว่า การที่สำนักพุทธศาสนาเองจะเข้ามาดูแลในเรื่องการสักยันต์ โดยเฉพาะสำนักพุทธศาสนาประจำจังหวัด ต้องมีการเข้าไปตรวจสอบและควบคุมไม่ให้มีการนำลายสักบางอย่างที่เป็นของสูงมาสักไว้ในที่ไม่เหมาะสม เท่าที่ผ่านมาก็ยังไม่มีการตรวจสอบหรือควบคุมดูแลในเรื่องนี้ และถ้าปล่อยไว้นานๆไม่มีหน่วยงานเข้าไปดูแล ก็จะถูกเหยียบย่ำ ถูกดูหมิ่นได้ 

 "ที่ผ่านมาพบว่าคนที่นิยมนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปสักไว้ในที่ไม่เหมาะสม มักจะเป็นชาวต่างชาติเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเขาอาจจะไม่เข้าใจถึงวัฒนธรรม ศาสนาของเรา จึงได้สักไว้เพื่อประดับเพื่อความสวยงามเท่านั้น โดยไม่รู้คุณค่าของภาพเทพอันศักดิ์สิทธิ์ว่า มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างไร เรื่องนี้จะต้องมีการดูแลและแก้ไขควบคุม เพื่อไม่ให้มีการนำภาพเทพหรือพระไปสักไว้ในที่ไม่เหมาะสม "พระสำอางค์ ปภสสโร เจ้าอาวาสวัดบางพระ  กล่าว