
ฮิตสักพระพุทธรูป-พระคเณศข้อเท้า-อก
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติฮิตสักพระพุทธรูป-พระคเณศวรตามข้อเท้า-หน้าอก พบที่ภูเก็ตฮิตสุดๆ แถมได้ราคาดี รูปละ 2 หมื่น วธ.ชี้ทำลายศาสนา สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศตรวจสอบเข้ม พร้อมแจงห้ามใช้สัญลักษณ์ทางศาสนาเชิงพาณิชย์ ภาษาไทย-อังกฤษ รุกเสนอออก ก.ม.เอาผิดทั้งผู้ให้
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการศูนย์ปฏิบัติการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2554 ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงประเด็นการร้องเรียนเกี่ยวกับการสักภาพ (Tattoo) พระพุทธรูป และรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาอื่นๆ บนร่างกายที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้มอบหมายให้สำนักงานวัฒนธรรม จ.ภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบพบข้อมูลที่น่าตกใจว่า ชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยส่วนใหญ่ ให้ความสนใจมาสักรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาทิ พระพุทธรูป พระคเณศวร ไม้กางเขน ไว้ตามร่างกาย เช่น แขน ขา ข้อเท้า หน้าอก เป็นต้น ซึ่งไม่เหมาะสมกับวัฒนธรรมอันดีงานในสังคมไทย และกระทบต่อความรู้สึก ความศรัทธาต่อศาสนา
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังพบข้อมูลการให้บริการสักรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบมากและมีราคาแพงมากที่สุดถึง 2 หมื่นบาทต่อภาพ ถือว่าแพงกว่ารูปอื่นๆ ทำให้ผู้ประกอบการนิยมที่จะให้บริการเพราะได้ราคาดี ในขณะเดียวกัน ชาวต่างชาติเห็นว่า การสักรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงแฟชั่น ไม่ได้มองถึงความเคารพและอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติให้แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยว ให้ตรวจสอบสถานประกอบการสัก โดยห้ามมิให้มีการบริการสักรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของทุกศาสนาบนร่างกาย รวมทั้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดประชุมชมรมผู้ประกอบการ เพื่อขอความร่วมมือไม่ให้นำภาพทางศาสนามาให้บริการสักแก่ชาวต่างชาติ อีกทั้ง วธ.จะจัดทำข้อควรระวังในการใช้สัญลักษณ์ทางศาสนา ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อป้องกันปัญหาการใช้สัญลักษณ์ทางศาสนาในทางที่ไม่เหมาะสมเชิงพาณิชย์ทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ใช้บริการก็ขอให้ใช้ภาพอื่นๆ สักแทน
"ที่ประชุมเห็นว่า การสักประเภทนี้มีทั่วประเทศ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว อย่างที่ถนนข้าวสาร ตะวันนา จตุจักร เชียงใหม่ ภูเก็ต ดังนั้น จึงต้องช่วยกันควบคุมไม่ให้นำรูปที่คนเคารพในทุกศาสนามาสักบนร่างกาย แม้กระทั่งสักบนศีรษะ ใบหน้า หรือขาก็ไม่ควร หากมีพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น ไปนั่งกินเหล้า ทะเลาะวิวาท ภาพนั้นก็จะติดบุคคลนั้นไปด้วย ขณะเดียวกัน บางศาสนาก็ให้ความสำคัญของการสักภาพที่ไม่เหมาะสมมาก จนถึงขั้นถ้าพบเห็นจะถูกประณาม และไม่สามารถเดินออกจากร้านได้ และต้องยอมรับว่า ข้อบังคับในประมวลกฎหมายอาญาของไทยยังไม่มีการบังคับในเรื่องนี้ จึงต้องประสานความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการควบคุมการสักรูปเคารพในศาสนา ดังนั้น ผมจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เพื่อขอความเห็นชอบในการออกกฎหมายในการนำสัญลักษณ์ทางศาสนามาใช้ในเชิงพาณิชย์ต่อไป โดยจะเอาผิดทั้งผู้ให้บริการ และผู้ใช้บริการ" นายนิพิฏฐ์กล่าว
น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผอ.สำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กล่าวว่า ได้รับข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา ระบุว่ารูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นความเชื่ออย่างหนึ่งของบุคคล เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน หากมีการนำไปสักบนเรือนร่าง จะถือว่ามีความไม่เหมาะสม เพราะเรือนร่างของคนจะต้องนำไปใช้ในการกิจกรรมต่างๆ และหากยิ่งพบเห็นการสักรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในกลุ่มบุคคลที่ใช้เรือนร่างโชว์เป็นอาชีพ เช่น อาชีพขายบริการ นักเต้นอะโกโก้ ก็ยิ่งจะทำให้ความศรัทธาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสื่อมถอยลงด้วย
นายวสันต์ พานิช คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แสดงความเห็นว่า กฎหมายปัจจุบันระบุห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการที่มีลักษณะเหยียดหยามต่อธงชาติ รูปจำลองของธง หรือสิ่งที่แสดงสัญลักษณ์ของชาติ แต่สำหรับพระพุทธรูปซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ความเชื่อทางศาสนานั้น ยังไม่มีการระบุห้าม แต่ถ้าจะออกกฎหมายห้ามใช้สัญลักษณ์ทางศาสนาในทางที่ไม่เหมาะสมเชิงพาณิชย์นั้น ต้องระวังไม่ให้ละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล เพราะคำว่าเชิงพาณิชย์เป็นคำที่มีความหมายกว้างมาก
"ถ้าคนจะสักพระพุทธรูปตามร่างกาย แขน หน้าอก ฯลฯ ก็ไม่น่าห้ามเพราะไม่ได้แสดงถึงความดูหมิ่น ใครๆ ก็สักได้เพราะถือเป็นสิทธิเสรีภาพในร่างกายของตัวเขาเอง ไม่ควรออกกฎหมายห้าม แต่ถ้าไปสักที่ข้อเท้าหรืออวัยวะที่ไม่สมควร ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม อาจมองว่ากำลังดูหมิ่นเหยียดหยามลัทธิความเชื่อหรือศาสนาอื่นได้ เช่น ฝรั่งสักพระพุทธรูปที่ข้อเท้า คนนับถือพุทธมองว่าดูหมิ่นศาสนาของพวกเขา แต่ถ้าฝรั่งสักไม้กางเขนที่ข้อเท้าเหมือนกัน คนพุทธอาจไม่ได้คิดอะไร แต่ฝรั่งด้วยกันอาจไม่พอใจ ดังนั้นหลักการคิดง่ายๆ คือ ต้องเคารพสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิหรือความเชื่อของคนอื่น" นายวสันต์กล่าว
นายประยูร หนูสุก วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ปัญหาการสักภาพพระพุทธรูปและรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาอื่นๆ บนร่างกาย ในส่วนของวัฒนธรรมจังหวัด อยู่ระหว่างทำรายงานแจ้งต่อผู้ว่าฯ เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางปลัดกระทรวงวัฒนธรรมได้มีการหารือและแจ้งข้อมูลให้แก่ผู้ว่าฯ รับทราบแล้ว เบื้องต้นได้กำหนดแนวทางปฏิบัติไว้แล้ว โดยจะเชิญผู้ประกอบการสักภาพและผู้ที่เกี่ยวข้องมารับทราบแนวทางปฏิบัติ คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในต้นเดือนมิถุนายนนี้
"จากที่ได้พูดคุยกับผู้ประกอบการบางราย ก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี และยังได้ให้ข้อมูลด้วยว่ารูปสักที่นักท่องเที่ยวนิยมมักจะเป็นภาพพระพุทธรูปตั้งแต่ระดับเอวขึ้นไป เนื่องจากชื่นชอบในความสวยงามของลวดลาย และไม่เหมือนใคร แม้จะเสียค่าใช้จ่ายสูงก็ยอม ขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะตรวจสอบตัวเลขที่ชัดเจนได้ว่าทั้งจังหวัดมีจำนวนผู้ประกอบการมากน้อยเพียงใด เพราะส่วนใหญ่จะมีการดำเนินการร่วมกับกิจการอื่น แต่ที่น่าจะมากที่สุด คือพื้นที่ป่าตอง คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 30 ร้าน โดยจะได้มีการประสานข้อมูลกับท้องถิ่นในการตรวจสอบข้อมูลที่ชัดเจนอีกครั้ง" นายประยูรกล่าว
เจ้าของร้านสักแห่งหนึ่งใน อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ที่ผ่านมามีร้านสักให้บริการสักรูปพระพุทธรูปให้ลูกค้าบริเวณข้อเท้าหรือที่ลับจริง โดยเฉพาะลูกค้าต่างประเทศมีร้อยละ 80 ที่บินตรงมาเพื่อใช้บริการสักที่เกาะสมุยโดยตรง ส่วนมากต้องการสักรูปที่บริเวณข้อเท้า หน้าอก และบางคนก็ให้สักในที่ลับ โดยเฉพาะลูกค้าวัยรุ่น ทางร้านก็ได้ชี้แจงไปว่าไม่เหมาะสม แต่ลูกค้าตั้งใจมาสักและสู้ราคา ตั้งแต่ 3,000-12,000 บาท ขึ้นอยู่กับฝีมือและความละเอียดอ่อนในการสัก ที่สักรูปพระพุทธรูปส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ
เจ้าคณะตำบลรูปหนึ่งใน จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันถือว่ามีการสักยันต์ทำกันเลอะเทอะ เพื่อความสวยงามและเป็นแฟชั่น ตนไม่เห็นด้วย เคยมีฆราวาสมารับสักยันต์ลูกพระที่วัด แต่ไม่อนุญาตให้พระลูกวัดทำเช่นนั้น นับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีฆราวาสเข้ามารับสักยันต์ในวัดอีก กรณีที่พระดำเนินการสักยันต์ตนไม่รู้สึกต่อต้านถ้าทำแบบสืบทอดตำราโบราณ เพราะการสักยันต์มีอยู่คู่กับคนไทยมานาน การสักยันต์ของพระหรือฆราวาส ถ้าทำถูกต้องตามพิธีก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องเสียหาย เพราะสักในที่สูงเช่นศรีษะหรือใหล่ แต่ขณะนี้ทราบว่ามีการสักเป็นแฟชั่น และสักไปในที่ซึ่งไม่สมควรบนร่างกาย ซึ่งไม่เหมาะอย่างยิ่ง