
เด็กช่างยุคใหม่"ฟุดฟิดฟอไฟ"ใฝ่สากล
นับถอยหลังออกไปไม่ถึง 5 ปี ประตูประชาคมอาเซียนก็จะเปิดแล้ว นั่นหมายความว่า การค้าขายสินค้า และบริการแต่ละประเทศสมาชิก 10 ประเทศจะขยายกว้างขึ้น นับเป็นความท้าทายของโรงเรียนหลายแห่ง
โดยเฉพาะโรงเรียนในสังกัดอาชีวศึกษา หากมีการเปิดเสรีแรงงานเต็มที่ก็จะมีการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างชาติเข้ามามากขึ้น จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า "ภาษาอังกฤษ" จำเป็นอย่างมากสำหรับการกำหนดคุณภาพชีวิตของเด็กในโลกอนาคต
ทำให้โรงเรียนอาชีวศึกษาในตัว จ.เชียงใหม่ อย่าง "โปลิเทคนิคลานนา" เร่งฟิตเด็กช่างให้เก่งภาษาอังกฤษเพื่อรับมือสัญญาประชาคมอาเซียนที่จะถึงในไม่ช้า โดย ชนธิภา คุณยศยิ่ง หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ตอกย้ำความสำคัญว่า ลำพังเพียงทักษะวิชาชีพช่างอย่างเดียวคงไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว แต่เด็กต้องมีทักษะการสื่อสารทางภาษาอังกฤษที่ดีด้วย แต่ต้องยอมรับว่า พื้นฐานทางภาษาของเด็กอาชีวะส่วนใหญ่นั้นมีทุนทางภาษาค่อนข้างน้อย ดังนั้นการสอนเด็กในกลุ่มนี้จึงต้องเข้าใจธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็ก หากเปิดสอนตามตำราเพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถดึงดูดเด็กช่างให้เข้าถึงภาษาได้ดีเท่าที่ควร
"ไม่เฉพาะแต่เด็กช่าง เด็กทุกคนชอบอะไรที่ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ดังนั้นครูจะเน้นหลักไวยากรณ์ หรือมุ่งสอนในตำราเรียนอย่างเดียวคงไม่ได้อีกแล้ว แต่ต้องค่อยๆ บูรณาการ และเชื่อมโยงภาษาเข้ากับชีวิตประจำวัน เช่น เล่นต่อบทสนทนา การเรียนรู้นอกชั้นเรียน โดยให้เด็กออกไปสัมภาษณ์ช่าวต่างชาติ เด็กก็จะสนุก และได้พัฒนาภาษาอังกฤษไปในตัว" รูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษของโรงเรียนถูกอธิบาย
นอกจากนั้นแล้ว โรงเรียนยังมีคุณครูชาวต่างประเทศเข้ามาสอนเพื่อช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษให้แก่เด็กนักเรียนอีกด้วย ตลอดจนใช้ สื่อมัลติมีเดียอย่างโปรแกรมอิงลิช ดิสคัฟเวอรี่ เข้ามาช่วยสอน เพราะนอกจากจะเป็นตัวต่อยอดทางภาษาให้แก่เด็กได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังส่งเสริมและพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษอย่างครอบคลุมด้วย นับเป็นผู้ช่วยที่ทำให้การสอน และการเรียนภาษาอังกฤษง่าย และสนุกขึ้น
บอกเล่าได้จาก "มล" มล โสภา อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้น ปวส.ปี 2 สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ โรงเรียนโปลิเทคนิคลานนา จ.เชียงใหม่ การมีสื่อมัลติมีเดียเข้ามา ทำให้ภาษาอังกฤษดูมีมิติ และน่าสนใจ ทั้งยังช่วยเสริมจุดอ่อนในการเรียนของเธอได้ดีด้วย เช่น การออกเสียง และการอ่านจับใจความ ส่วนตัว เธอจะฝึกทักษะทางภาษาด้วยตัวเองง่ายๆ โดยการท่องศัพท์วันละ 5 คำ พยายามหาสื่อการเรียนรู้มาเล่น และเรียนไปพร้อมๆ กัน ถึงแม้จะยังสื่อสารได้ไม่ค่อยดี แต่เธอบอกว่าจะตั้งใจ และหาเวลาฝึกอยู่บ่อยๆ เพราะภาษาคือหน้าต่างของโอกาส
ด้านนักเรียนช่าง ปวช.อิเล็กทรอนิกส์อุตสาหกรรมอย่าง "ไธร์" ทัศน์ถพงษ์ กันคำ อายุ 20 ปี บอกว่า การสอนภาษาอังกฤษให้ถูกใจวัยโจ๋นั้น ครูผู้สอนต้องเข้าใจความต้องการของเด็ก ด้วยการหาเกม และกิจกรรมสนุกๆ ให้เด็กทำ รวมทั้งเข้าใจความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคนที่มีความแตกต่างกัน ดังนั้นรูปแบบการสอนควรเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป อยู่ในบรรยากาศการเรียนที่ไม่กดดัน นั่นจะทำให้เด็กช่างกับการเรียนภาษาอังกฤษไม่น่าเบื่อ และเขยิบเข้าหากันได้เร็วขึ้น
"ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ เด็กอาชีวะกับทักษะทางภาษา เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมาควบคู่กัน เพราะเด็กต้องเข้าไปอยู่ในตลาดแรงงานที่มีทั้งบริษัทคนไทย และชาวต่างชาติ ถ้าโรงเรียน และครูผู้สอนไม่ช่วยกันจูงใจ และพัฒนาทักษะทางภาษาให้กับเด็กแล้วล่ะก็ อาจจะเสียเปรียบเด็กในกลุ่มประเทศอื่นๆ ที่มีความสามารถทางภาษาดีกว่าก็เป็นได้" ครู ชนธิภาสรุปปิดท้าย
ดังนั้น หากมีการเปิดเสรีอย่างเต็มรูปแบบ จะเป็นโอกาสหรืออุปสรรคขึ้นอยู่กับภาคการศึกษาแต่ละแห่งว่าจะเตรียมความพร้อมเด็กเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้อย่างไร หรือจะแสวงหาโอกาสได้มากน้อยแค่ไหนนั้น เป็นเรื่องที่จะมองข้ามไม่ได้อีกต่อไป
0 หทัยรัตน์ ดีประเสริฐ 0