ไลฟ์สไตล์

ปลูกอ้อยใช้ระบบ"น้ำหยด"
เทคนิคง่ายๆเพิ่มผลผลิตได้

ปลูกอ้อยใช้ระบบ"น้ำหยด" เทคนิคง่ายๆเพิ่มผลผลิตได้

27 พ.ค. 2554

ปัจจุบันวงการเกษตรมีการพัฒนาการมากขึ้น โดยเฉพาะภาคการเพาะปลูกที่จะทำให้ได้ผลผลิตสูงขึ้น อย่างอ้อยซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของไทยมายาวนาน และปัจจุบันเป็นพืชพลังงานด้วย เดิมทีเกษตรกรปลูกอาศัยเทวดาช่วยดูแล อาศัยน้ำจากน้ำฝน จึงได้ผลผลิตไร่ละเพียง 7-8 ตัน ปัจจุบันม

 อภิวัฒน์ บุญทวี ผู้อำนวยการด้านอ้อย บริษัท สวนเกษตรอุตสาหกรรม จำกัด (มิตรผล) บอกว่า ตลอดระยะที่ผ่านมาการดำเนินธุรกิจของกลุ่มมิตรผล มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสู่มาตรฐานสากล เพื่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน มีการเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาประยุกต์ใช้ในระบบการจัดการของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาวิจัยสายพันธุ์อ้อยใหม่ๆ ที่คุณสมบัติเหมาะกับแต่ละพื้นที่ พร้อมกับมีการลงทุน 90 ล้านบาท พัฒนาระบบน้ำ ด้วยการวางระบบชลประทานให้ครอบคลุมพื้นที่ 3.2 หมื่นไร่ ในพื้นที่ของเครือข่ายใน จ.ชัยภูมิและใกล้เคียง ดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2554

 ในปี 2554-2556 อภิวัฒน์ บอกว่า มีแผนจะลงทุนอีก 300 ล้านบาท เพื่อขยายระบบชลประทานในพื้นที่ปลูกอ้อยเป็น 60-65% จากพื้นที่ปลูกอ้อยทั้งหมด 1.2 ล้านไร่ที่เป็นเครือข่ายในรูปแบบของคอนแทร็กฟาร์มมิ่งกับกลุ่มมิตร เพื่อให้เกษตรกรปลูกอ้อยระบบน้ำหยด โดยโรงงานน้ำตาลจะลงทุนสร้างแหล่งน้ำ และชาวไร่เป็นผู้ลงทุนเชื่อมต่อแหล่งน้ำเข้าไปยังไร่ด้วยระบบท่อ ทั้งนี้ นอกจากจะเป็นการส่งเสริมและช่วยเหลือเกษตรกรแล้ว ทางกลุ่มมิตรผลเองก็ต้องการเพิ่มผลผลิตต่อไร่มากขึ้น เพื่อจัดหาวัตถุดิบให้เพียงพอกับความต้องการของโรงงานน้ำตาล โดยมีเป้าหมายเพิ่มผลผลิตต่อไร่ จากปัจจุบัน 7-8 ตันต่อไร่ เป็น 17 ตันต่อไร่ บางพื้นที่ว่าการปลูกด้วยระบบน้ำหยด เคยให้ผลผลิตสูงสุดถึงไร่ละ 28 ตัน

 ไฉน ศรีเชียงษา เกษตรกรบ้านหนองหิน ต.หนองหิน อ.หนองหิน จ.เลย อีกคนหนึ่งที่หันมาปลูกอ้อยระบบน้ำหยด บอกว่า เขามีไร่อ้อย 1,000 ไร่ ทุกวันนี้ให้ผลผลิตไร่ละราว 12 ตัน บางพื้นที่กว่า 15 ตัน ส่วนพันธุ์อ้อยใช้พันธุ์แอลเค 92-11 (LK 92-11) แอลเค 84-200 และขอนแก่น 3 ทำให้เขามีรายได้ต่อ 1 ฤดูกาลปลูก (11 เดือน) ไร่ละ 1.3 หมื่นบาท รวมแล้วมีรายได้ฤดูกาลปลูกละหลายล้านบาท จากเดิมปลูกพันธุ์เค 200 ใช้วิธีสูบน้ำปล่อยตามร่องในไร่ได้ผลผลิตราวไร่ละ 6-8 ตันเท่านั้น

 เช่นเดียวกับ พิมล สุภาพเพชร เกษตรกรบ้านหนองแซง ต.บ้านแก้ง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ อายุ 41 ปี บอกว่า ปกติที่ไร่ของเขาดินค่อนข้างดีปลูกอ้อยแบบดูดน้ำเข้าในร่องที่ขุดในไร่อ้อยจะได้ผลผลิตไร่ละราว 12-13 ตัน พอทราบว่าการปลูกด้วยวิธีน้ำหยดจะได้ผลผลิตสูง จึงตัดสินใจลงทุนซื้อท่อพลาสติก เจาะรูรอบข้างไปฝังระหว่างแถวของอ้อยใช้เงินไร่ละครั้งแรก 7,500 บาท ใช้ได้ 7-8 ปี ปรากฏว่า หลังจากปลูกอ้อยระบบน้ำหยดแล้วทำให้มีผลผลิตตกไร่ละ 20 ตัน แต่บางครั้งใช้ระบบน้ำฝอย คือวางท่อบนดินเสี่ยงที่หนูจะกัดได้

 ขณะที่ วิชัย ฤาชา รองประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำมิตรบ้านลาด ต.บ้านแก้ง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ บอกว่า เดิมทีในหมู่บ้านของเขาระบบน้ำไม่ดี เวลาปลูกอ้อยให้ผลผลิตไร่ละ 8-9 ตัน พอมีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำมิตรบ้านลาด จึงตัดสินใจลงทุนร่วมโครงการด้วย โดยการขุดสระในพื้นที่ 1 ไร่ สูบน้ำจากโครงการทำให้ตอนนี้มีน้ำเพียงพอจึงได้ผลผลิตไร่ละเฉลี่ยแล้วกว่า 15-20 ตัน ปัจจุบันราคาอ้อยอยู่ที่ตันละ 1,050 บาท เขามีที่ไร่ 46 ไร่ สามารถเลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี

 "กลุ่มผู้ใช้น้ำมิตรบ้านลาดมีราว 90 คน ร่วมกันลงทุนพัฒนาแหล่งน้ำและวางท่อส่งน้ำเข้าไร่ รวมแล้วเป็นเงิน 2.4 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ 1,360 ไร่  โดยทางโรงงานน้ำตาลมิตรภูเขียวเป็นผู้ปล่อยเงินทุนให้ก่อน และมาผ่อนชำระภายในเวลา 4 ปี รวมแล้วถ้าเฉลี่ยผลผลิตทั้งกลุ่มตกไร่ละ 17 ตัน" วิชัยกล่าว

 การปลูกอ้อยระบบน้ำหยด นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย เนื่องจากให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ต้องอาศัยน้ำจากธรรมชาติบางพื้นที่กว่า 1 เท่าตัว

"ดลมนัส  กาเจ"