ไลฟ์สไตล์

"เรียนฟรี 15 ปี"คนจนเข้าถึงการศึกษา

"เรียนฟรี 15 ปี"คนจนเข้าถึงการศึกษา

18 เม.ย. 2552

ขณะนี้งบประมาณจำนวน 18,257 ล้านบาท ที่ใช้ดำเนินงานตามโครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ ของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งถึงมือโรงเรียนและผู้ปกครองแล้ว โดยกำหนดให้นำไปจับจ่ายของฟรี 5 รายการ ไม่ว่าจะเป็นค่าเทอม ตำราเรียน อุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียน และค่ากิจกรร

 จากการเดินสายเปิดโครงการเรียนฟรีของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  ในจังหวัดต่างๆ พบว่าสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระของผู้ปกครองได้ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แถมยังต้องการให้นโยบายดังกล่าวยั่งยืนตลอดไป อย่าทำแค่ประชานิยมหาเสียงเท่านั้น ซึ่งผู้ปกครองที่มีกำลังจ่าย ก็จะสละสิทธิ์เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือโรงเรียนที่ด้อยโอกาสกว่า

 เช่น สุกัญญา หลักฐาน อายุ 40 ปี คุณแม่น้องแอน นักเรียนชั้น ม.5 และน้องจ๋า ชั้น ม.3 ร.ร.ชลกันยานุกูล จ.ชลบุรี บอกว่า ครอบครัวพอช่วยเหลือตัวเองได้ และต้องการให้ลูกรู้จักการเสียสละแก่ผู้อื่นที่ด้อยโอกาส ไม่ใช่เห็นแก่ของฟรี ใครให้ฟรีก็เอาหมด จึงสละสิทธิ์การขอรับค่าใช้จ่ายตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ส่วนเรื่องตำราเรียนนั้นก็ไม่ขอรับ เพราะอยากให้ลูกได้ใช้หนังสือของตัวเอง ที่สามารถเขียน ขีดได้ เพื่อให้ได้รับความรู้อย่างเต็มที่

 คุณแม่กัญญา ฝากว่า อยากให้ทุกรัฐบาลสานต่อนโยบายเรียนฟรี 15 ปี แม้เป็นนโยบายประชานิยม หาเสียงของรัฐบาล แต่หากกระทำได้จริงก็สามารถลดภาระผู้ปกครอง ถือว่าเป็นนโยบายที่ควรจะมีต่อไปเรื่อยๆ เพราะการศึกษาเป็นการพัฒนาคนที่ยั่งยืน และดีที่สุด

 ด้าน คุณแม่จินดา วงศ์เจ๊ะเซ็ม อายุ 38 ปี ผู้ปกครองของนักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กล่าวว่า รับเงินอุดหนุนตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปีของรัฐบาลทั้งหมด เพราะตอนนี้เศรษฐกิจย่ำแย่ ทำงานบริษัทรายได้ไม่สูง เงินที่ได้จากรัฐ จึงช่วยลดภาระทำให้มีเงินไว้เป็นทุนการศึกษาแก่ลูก และขอรัฐบาลทำนโยบายนี้ต่อไปเรื่อยๆ แต่อยากให้ปรับเปลี่ยนเรื่องฟรีตำราเรียน และอุปกรณ์การเรียน ให้เด็กได้ใช้ส่วนตัวโดยที่ไม่ต้องส่งคืนโรงเรียน เนื่องจากมองว่าการยืมเรียนนั้นจะส่งผลต่อคุณภาพการเรียนการสอน และยังมีปัญหาในเรื่องการดูแลรักษาอีกด้วย

 เช่นเดียวกับ สุรเดช กมลเวชพิสุทธิ์ ผู้ปกครองของนักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย กทม. ที่บอกว่า ต้องการให้รัฐจัดซื้อตำราเรียนให้แก่เด็กไปเลย ไม่ต้องส่งคืน เพราะตำราเรียน หากเด็กไม่ได้ขีดเขียนก็คงไม่สามารถต่อยอดองค์ความรู้ได้ ส่วนของนโยบายเรียนฟรี 15 ปี อยากให้รัฐช่วยสนับสนุนต่อไป ไม่ใช่พอรัฐเปลี่ยนนโยบายดีๆ ต้องเปลี่ยนไปด้วย เพื่อช่วยเหลือเด็กได้ครอบคลุมและทั่วถึง

 ด้าน พี่ต่อ สิรภูมิ บุษบงค์ ผู้ปกครองของนักเรียนที่เพิ่งจบ ม.6 บอกว่า แม้น้องสาวของเขาจบ ม.6 มาแล้ว แต่ก็อยากให้รัฐดำเนินนโยบายเรียนฟรี 15 ปีต่อไป เพราะเท่าที่พูดคุยกับญาติๆ ที่ได้รับการช่วยเหลือตามนโยบายดังกล่าว ทำให้ลดค่าใช้จ่าย ผ่อนคลายปัญหาการเงินของประชาชนได้จริงๆ ส่วนผู้ปกครองที่มีฐานะช่วยเหลือตัวเองได้ “พี่ต่อ” อยากให้เสียสละเงินส่วนที่ได้รับให้แก่น้องๆ ในโรงเรียนด้อยโอกาส เพราะยังมีเด็กอีกจำนวนมากที่ขาดโอกาส เพราะงบประมาณของรัฐมีจำกัด และผู้ปกครองอย่าคิดแต่ว่าของฟรีแล้วต้องเอา แต่ควรนึกถึงผู้อื่นในสังคมด้วย

 ปิดท้ายด้วย น้องเอลฟ์ กรกนก เอื้อทรัพย์ทวี นักเรียนชั้น ม.5 ร.ร.สาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น หนึ่งในครอบครัวที่สละสิทธิ์เรียนฟรี 15 ปี บอกว่า ครอบครัวเธอสามารถเลี้ยงดูสนับสนุนทางการศึกษาได้ จึงสละสิทธิ์เรียนฟรี 15 ปี เพราะเงินที่เธอสละสิทธิ์สามารถช่วยเพื่อน น้องๆ ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารและยากจนได้ จึงอยากให้นโยบายนี้อยู่คู่ประเทศไทยไปนานๆ เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาแก่คนที่ด้อยโอกาสจริงๆ