
แปรรูปชมพู่เป็นผลิตภัณฑ์ จากผลผลิตไร่ค่าสู่โกอินเตอร์
จากเดิมที่ ชมพู่พลาสติก หรือ ชมพู่แก้มแหม่ม ที่ชาวบ้านในเขตเทศบาลตำบลหนองคล้า หมู่ 3 ต.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ต่างปลูกแทบทุกครัวเรือน ต้องปล่อยให้ผลผลิตเน่าเสีย หรืออาจขายบ้างเพียงกิโลกรัมละ 1 บาท
แต่วันนี้หลังจากที่มีผู้หญิงคนเก่ง “จรรยา ลี” ได้รวบรวมบรรดาแม่บ้านในชุมชนจัดตั้ง "กลุ่มส่งเสริมการแปรรูปชุมชนย่อยเทศบาลตำบลหนองคล้า" เพื่อใช้เวลาว่างจากงานประจำมาแปรรูปชมพู่ชนิดนี้ทำเป็นผลิตภัณฑ์ "ชมพู่ 3 รส -ชมพู่หยี -ชมพู่แก้ว" จนได้รับคัดเลือกเป็นสินค้าโอท็อประดับ 5 ดาวของ จ.จันทบุรี และสิ่งที่ตามทำให้ชมพู่พลาสติกหรือชมพู่แก้มแหม่ม กลายเป็นผลผลิตทางการเกษตรที่มีค่า เพราะกลุ่มส่งเสริมการแปรรูปชุมชนย่อยเทศบาลตำบลหนองคล้ารับซื้อในราคากิโลกรัมละ 3 บาท เพื่อนำมาแปรรูปปีละราว 2,000 กิโลกรัม
จรรยาบอกว่า โดยปกติชาวบ้านในชุมหนองคล้าทุกครัวเรือยนิยมปลูกชมพู่พลาสติก หรือชมพู่แก้มแหม่ม กว่า 30 ปีแล้ว เป็นชมพู่ที่มีลักษณะลูกเล็กกว่าชนิดอื่นๆ ผิวเป็นสีแดงสดมีความวาวคล้ายขวดพลาสติก รสชาติออกรสจืดๆ จนถึงเปรี้ยวอมฝาด จึงไม่เป็นที่นิยมของผู้บริโภค ชาวบ้านปล่อยให้เน่าเกลือนอยู่ใต้ต้น หากจะขายได้บ้างในราคากิโลกรัมละ 1 บาทเท่านั้น เห็นแล้วน่าเสียดาย เพราะเป็นผลผลิตทางการเกษตรในท้องถิ่น จึงหาหรือกับบรรดาแม่บ้านว่าควรจะหาแนวทางในการแปรรูปดีกว่าทิ้งให้สูญเปล่าในที่สุดจึงรวบรวมตั้ง "กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรทุ่งเบญจา" โดยเธอเป็นประธาน เริ่มแรกทำการแปรรูปเป็นชมพู่ 3 รส ออกขายครั้งแรกในงานประจำจังหวัดจันทบุรี เมื่อปี 2538 ในราคาถุงละ 25 บาท ปรากฏว่าขายไม่ได้เลย เพราะทุกคนพูดลักษณะเดียวกันว่า แถวบ้านก็เยอะแยะ บ้างก็ว่าหวานเกินไปทำให้อ้วนได้
กระนั้น จรรยา และสมาชิกกลุ่มไม่ย่อท้อพยายามแปรรูปเป็นผลิตอย่างอื่นเพิ่มเติมคือ ชมพู่หยี และชมพู่แก้ว รวมแล้วมี 3 ผลิตภัณฑ์คือ ชมพู่ 3 รส ชมพู่หยี และชมพู่แก้ว ออกขายตามงานต่างขายได้ไม่ได้บ้าง กระทั่งมีการประชุมคณาจารย์สถาบันราชภัฏทั่วประเทศที่สถาบันราชภัฏ (สมัยนั้น)รำไพพรรณี จ.จันทบุรี เมื่อปี 2541 ปรากฏว่าขายดีจนหมดเกลี้ยง และครั้งนั้นเองทำให้จรรยา และเพื่อนสมาชิกในกลุ่มต่างก็มีกำลังใจขึ้น ถือเป็นจุดประกายที่ทำให้กลุ่มของเธอต่างยืนยันว่าจะดำเนินการแปรรูปชมพู่พลาสติกหรือชมพู่แก้มแหม่ม และดูเหมือนว่าความพยามยามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น เพราะผลิตภัณฑ์แปรรูปชมชมพู่พลาสติกหรือชมพู่แก้มแหม่มของเธอขายดีขึ้นเรื่อยๆ
กระทั่งปี 2546 เทศบาลตำบลหนองคล้า ยื่นมือช่วยเหลือและมีการตั้งกลุ่มใหม่ขึ้นมาเป็น "กลุ่มส่งเสริมการแปรรูปชุมชนย่อยเทศบาลตำบลหนองคล้า“ โดยจรรยา ยังเป็นประธานเหมือนเดิม มีสมาชิกทั้งสิ้น 50 คน พร้อมกันนั้นได้ระดมหุ้นขึ้นมารวมแล้ว 924 หุ้น หุ้นละ 100 บาท เพื่อดำเนินกิจการในรูปแบบเดิมคือแปรรูปชมพู่พลาสติก หรือชมพู่แก้มแหม่มทำเป็นผลิตภัณฑ์ชมพู่ 3 รส ชมพู่หยี และชมพู่แก้ว บรรจุถุงอย่างสวยงามขายในราคาถุงละ 35 บาท หรือขายส่งถุงละ 28 บาท จนถึงปี 2547 ผลิตภัณฑ์ชมพู่ 3 รส ชมพู่หยี และชมพู่แก้ว ของกลุ่มส่งเสริมการแปรรูปชุมชนย่อยเทศบาลตำบลหนองคล้า เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง หลังจากที่ได้รับการคัดสรรเป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์ "หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์" หรือโอท็อป ของ ต.หนองคล้า กระดับ 4 ดาว และล่าสุดได้ระดับ 5 ดาวในปี 2553 ที่ผ่านมานี่เอง
วันนี้ผลผลิตชมพู่พลาสติกหรือชมพู่แก้มแหม่มที่จากเดิมแทบไม่มีราคาเลยกลายมาเป็นสินค้าเกษตรที่มีค่าเพราะกลุ่มส่งเสริมการแปรรูปชุมชนย่อยเทศบาลตำบลหนองคล้ารับซื้อในราคา กิโลกรัมละ 3 บาท เพื่อแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ชมพู่ 3 รส ชมพู่หยี และชมพู่แก้ว ปีละถึง 2,000 กิโลกรัม หรือ 2 ตัน ส่วนหนึ่งผลิตตามออเดอร์จากกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายสี ซึ่งอยู่ในอำเภอเดียวกันประมาณ 60% โดยกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายสี ส่งต่อไปยังกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ และอีก 40% กลุ่มส่งเสริมการแปรรูปชุมชนย่อยเทศบาลตำบลหนองคล้าขายเองตามงานต่างๆ โดยเฉพาะงานโอท็อปที่เมืองทองธานี จ.นนทบุรี ในราคาถุงละ 35 บาท
"ตอนนี้มีเท่าไรก็ขายได้หมด แต่เรามีวัตถุดิบที่จำกัดและเป็นฤดูกาลคือตั้งเดือนตุลาคมจนถึงเดือนเมษายน พอหน้าฝนต้องหยุด ผลิตภัณฑ์ของเราเก็บได้นานถึง 6 เดือน พอมาถึงตรงนี้เราจึงทราบว่าลูกค้าไม่ได้ต้องการสินค้าที่ถูกที่สุด แต่ต้องการสินค้าที่คุ้มค่าที่สุด สินค้าเราจึงเน้นที่คุณภาพ สะอาด เน้นที่รสชาติ และการเก็บรักษาให้มีอายุนาน เมื่อลูกค้าได้ชิมหรือซื้อไปรับประทานจึงติดใจและกลับมาซื้ออีก" จรรยา กล่าว
จรรยา ยอมรับว่า ปัจจุบันการแข่งขันของสินค้าต่างๆ มีสูง มีผู้ประกอบการใหม่ๆ เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก สินค้าใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน ฉะนั้นการออกแบบบรรจุภัณฑ์ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อให้สินค้ามีความโดดเด่นน่าสนใจ และอีกสิ่งหนึ่งต้องทำให้สินค้าเก็บได้ยาวนานขึ้นด้วย ตรงนี้กลุ่มได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมความรู้จากหน่วยงานราชการหลายแห่งตั้งแต่สำนักงานเกษตรอำเภอท่าใหม่ กรมส่งเสริมการเกษตร ส่วนบรรจุภัณฑ์ ส่วนอุตสาหกรรมเกษตร กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และพัฒนาชุมชน ให้การสนับสนุนอย่างดีตลอดมา
นับเป็นกลุ่มแม่บ้านที่มีความอดทนจนประสบผลสำเร็จได้เป็นอย่างดี นอกจากจะทำให้ผลผลิตในชุมชนที่ไร้ค่ากลับมีค่าขึ้นมาแล้ว ที่สำคัญผลผลิตทางการเกษตรอันไร้ค่าในอดีต วันนี้กลายเป็นตัวที่นำรายได้เข้าชุมชนได้เป็นอย่างดี สนใจอยากเรียนรู้การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากชมพู่พลาสติก หรือชมพู่แก้ว สอบถามได้ ที่กลุ่มส่งเสริมการแปรรูปชุมชนย่อยเทศบาลตำบลหนองคล้า 96 หนองคล้า หมู่ 3 ต.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี โทร.08-9043-0115, 0-3939-5201
การทำ "ชมพู่ 3 รส แปรรูป"
การเตรียมส่วนผสม
1. ชมพู่แก้มแหม่มสด 10 กิโลกรัม
2.น้ำตาล 300 กรัม
3.มะนาว 200 มิลลิลิตร
4.เกลือ 100 กรัม
วิธีทำ
1.นำชมพู่แก้มแหม่มที่ได้มาตัดแต่งส่วนที่ไม่ต้องการออก
2.นำมาชั่งกิโล แล้วล้างให้สะอาด
3.นำใส่กะละมังสเตนเลสขนาดใหญ่ จากนั้นก็นำไปต้มเป็นเวลา 1 ชั่วโมง
4.หลังจากที่ต้มเสร็จแล้วนำใส่ตะแกรงตากไว้ 1 คืน
5.นำไปอบด้วบความร้อน 60 องศา อีก 15 ชั่วโมง
6.นำใส่บรรจุภัณฑ์ตามแต่ขนาดที่ต้องการ
"จุไรรัตน์ เกิ้อหนุน"