ไลฟ์สไตล์

เรื่องเก่าเล่าใหม่ตอนที่3ตาดีกา ฐานชีวิตอิสลามปัตตานี

เรื่องเก่าเล่าใหม่ตอนที่3ตาดีกา ฐานชีวิตอิสลามปัตตานี

28 เม.ย. 2554

วันนี้เปิดโลกการศึกษามุสลิม ขอนำทุกท่านเข้าสู่เรื่องการศึกษาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รากเหง้า และเสาหลักการศึกษาอิสลาม ไม่ว่าจะเป็น ตาดีกา สถานที่ปลูกศาสนาสำหรับเด็กเล็ก ปอเนาะ สถานที่ศึกษารวมของเยาวชน หรือผู้สนใจที่จะเรียนรู้เรื่องศาสนาทั่วไป ซากอเลาะห์

ปัตตานี สมัยก่อนโน้นการเรียนของเด็กเล็กยังไม่เป็นที่แพร่หลาย หรือไม่มีการพัฒนารูปแบบให้เป็นสถานที่สอนเหมือนในปัจจุบัน เด็กเล็กๆ สมัยก่อนจะเรียนการอ่านคำภีร์อัลกุรอาน กับพ่อแม่ หรือไม่ก็ญาติใกล้ชิด หรือที่มัสยิดในช่วงหลังละหมาดมัฆริบ (ละหมาดช่วงอาทิตย์ตกดิน) เพียงไม่กี่ชั่วโมง การเรียนการสอนจะเน้นการอ่านกุรอานและการท่องจำก่อนเป็นอันดับแรกเพราะจะต้องใช้ในการละหมาดหรือการขอพรในบทต่างๆ สั้นๆ

 ความเป็นมาของการเกิดตาดีกาในปัตตานีนั้นคนในท้องที่ที่เล่าต่อกันมาทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่มีความแตกต่างกันแต่ส่วนหนึ่งมีความตรงกันก็คือ ตาดีกาเกิดขึ้นมานั้นเพื่อให้คงความเป็นมุสลิมปัตตานีของเยาวชนตั้งแต่เยาว์วัย ไม่ว่าเรื่องภาษา ศาสนาและขนมธรรมเนียมประเพณีเพราะรัฐบาลได้เปิดสอนสามัญ นักเรียนชาย ใส่กางเกงขาสั้น และต้องพูดภาษาไทยตามกฎเกณฑ์ของโรงเรียนสามัญเมื่อครั้งอดีต

 คำว่า ตาดีกา เอามาจากภาษามาเลเซีย คำว่า ตา ย่อมาจากคำว่า ตามัน หมายถึง สวน อุทยาน ดี ย่อมาจาก ดีเดะกัน แปลว่า อบรม สั่งสอน กา ย่อมาจากคำว่า กาเนาะกาเนาะ แปลว่าเด็กๆ สามคำนี้รวมกันหมายถึงอุทยานอบรมจริยธรรมเด็ก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมให้เด็กๆ เยาวชนมุสลิมมีความรู้ทางด้านศาสนาขั้นพื้นฐาน ทุกวันหลังเลิกเรียนสามัญ หรือวันเสาร์อาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดเด็กๆเหล่านี้จะไปรวมตัวกันที่มัสยิดเพื่อเรียนหนังสือศาสนา โดยที่ครูผู้สอน หรืออุซตะ จะทำการสอนโดยมีหนังสือเรียนเป็นภาษามลายู ภาษามาเลย์ และภาษาอาหรับ การอธิบายของครูและการสื่อสารจะใช้ภาษามลายู การศึกษาของเด็กๆ ในชนบทยังไม่มีการพัฒนาและรัฐก็ยังไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องนี้มากนัก
 ทำให้การเรียนการสอนยังคงใช้ความเป็นบ้านๆ ของครูชนบท แบบไม่มีพิธีรีตองในการสอนเป้าหมายมุมมองชีวิตของการศึกษาก็ยังมีเป้าหมายไม่ชัดเจนนอกเสียจากการเป็นคนดีอยู่ในคำสอนศาสนาเท่านั้นเอง วิถีชีวิตของเด็กตัวน้อยๆ ถูกห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติชนบท ทั้งภาษาพูดเขียนและขนบธรรมเนียมประเพณี ชีวิตเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์เรียบง่าย

ปัจจุบันนี้ ตาดีกา กลายเป็นสถานที่อบรมสอนเฉพาะวิชาทางศาสนา และเข้าใจพื้นฐานอิสลามและความรู้ที่จำเป็นในการเป็นมุสลิมและจำเป็นที่จะต้องเรียน หรือเรียกว่าอีกชื่อว่า ฟัรฎูอีน (จำเป็นต้องเรียนเป็นรายบุคคล) วิชาต่างๆ ที่ใช้เรียนในปัจจุบันพอจะแยกออกดังนี้ 1.กลุ่มวิชา ชารีอัต อิสลามียะห์  ฟิก/ วิชาว่าด้วยเรื่องกฎหมายอิสลาม ตัฟซีร/การอธิบายความหมายกุรอ่าน อัลฮาดิษ/ พระวัจนะของศาสดา 2.กลุ่มวิชาอาดาบีย๊ะห์ นาฮู/ เรื่องไวยากรณ์ภาษาอาหรับ ซอรัฟ/การผันคำและการสร้างประโยคอาหรับ  บาลาเฆ๊าะห์/สำนวนโวหารภาษาอาหรับ อัตตาริค/วิชาประวัติศาสตร์

 3.กลุ่มวิชาเตาฮีด เนื้อหาหลักการรู้จักพระเจ้า หลักการศาสนา หลักความเชื่อ และการศรัทธาต่อพระเจ้า 4.กลุ่มวิชาอัลอัคล๊าค เนื้อหาวิชาจะว่าด้วยเรื่องคุณธรรม จริยธรรม การอยู่ร่วมกับสังคมและการมีมารยาทที่ดี สี่กลุ่มวิชาหลักที่จะต้องเรียนรู้และมีการเชื่อมโยงสู่ระดับซากอเลาะห์ และเลยไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย หากแต่วิชาเรียนของตาดีกาอาจมีความเบาบางในเรื่องเนื้อหาของหนังสือเรียนซึ่งจะค่อยๆ เพิ่มเนื้อหามากขึ้นเมื่อเข้าสู่ระดับซากอเลาะห์หรือในระดับมัธยม
 
จะเห็นได้ว่าการเปิดเรียนตาดีกา คือ การเปิดสมองและมุมมองเรื่องศาสนาที่กว้างขึ้นเด็กในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในวัยประถมสามารถเรียนรู้ควบคู่ไปกับสามัญโดยเฉพาะภาษาคือสิ่งที่สร้างความกว้างขวางให้พวกเขาได้ดีกว่านักศึกษาในจังหวัดอื่นๆ ของประเทศไทย เมื่อเด็กๆ เหล่านี้จบระดับชั้นประถมปีที่ 6 ก็สามารถต่อยอดไปศึกษาทั้งด้านศาสนาและสามัญในโรงเรียนเอกชนได้ในระดับที่สูงขึ้นไป 

ปัจจุบันนี้ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีการเปิดการเรียนการสอนของเด็กเล็กอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป ซึ่งมีชื่อเรียกว่า ฮาฎอนะห์ ภาษาอาหรับแปลว่า ห้องเลี้ยงเด็ก หรือแปลงสำหรับเพาะปลูก ซึ่งหมายถึงสถานที่สำหรับเลี้ยงเด็กเล็ก มีระดับการเรียนการสอนที่มาตรฐานขึ้นมีทั้งการแต่งกายรูปแบบของสถาบันต่างๆ การเรียน ภาษามลายู ภาษาอาหรับ ภาษาไทยและฝึกอ่านภาษาอังกฤษอีกด้วย การวางระเบียบการและหลักสูตรที่ดีตั้งแต่ต้นทำให้เด็กๆ เหล่านี้เติบโตขึ้นมาในสังคมที่ดี มีความรู้ก่อนที่จะเข้าสู้ในระดับตาดีกาต่อไป