
สพฐ.ใช้O-Netเข้า ม.1 -ม.4ร้อยละ20
สพฐ.เดินหน้าล้างอาย O-Net เริ่มต้นปีการศึกษาหน้า ให้โรงเรียนจับเด็กมาเตรียมความพร้อม สอนตั้งแต่วิธีการฝนกระดาษคำตอบ พร้อมตั้งเงื่อนไขกดดันเด็กตั้งใจสอบ โดยวางแผนใช้คะแนน O-Net ในการสอบคัดเลือกเรียนต่อ ม.1 และ ม.4 ร้อยละ 20 เตรียมจัดประชุมโรงเรียนขอความ
(26เม.ย.) นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า สพฐ.ต้องการให้คะแนนการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือ โอเน็ต(Ordinary National Educational Testing) ของนักเรียนในสังกัดเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งให้ผลการประเมินระดับนานาชาติ เช่น Pisa ออกมาสูงขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น จึงได้วางแผนที่จะดำเนินการในหลาย ๆ เรื่องตั้งแต่ปีการศึกษา 2554 โดยเน้นไปที่การแก้ปัญหาคะแนนเฉลี่ยโอเน็ตต่ำก่อน
นายชินภัทร กล่าวต่อว่า เริ่มเปิดภาคเรียน 2554 แล้ว สพฐ.จะให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประสานกับโรงเรียนวางแผนเตรียมความพร้อมในการสอบโอเน็ตให้แก่นักเรียน เริ่มตั้งแต่สอนวิธีฝนกระดาษคำตอบ เพราะหลายกรณีนักเรียนทำข้อสอบได้แต่ฝนกระดาษคำตอบผิดจึงชวดคะแนนไป จึงจำเป็นต้องสร้างความคุ้นเคยกับการสอบโอเน็ตให้เด็ก
“และจะต้องทำให้การสอบโอเน็ตมีความศักดิ์สิทธิ์ด้วย นักเรียนจึงจะตั้งใจทำข้อสอบกันทุกคน มิฉะนั้นก็จะยังมีปัญหาคะแนนศูนย์ต่อไป เพราะนักเรียนบางส่วนไม่ตั้งใจหรือไม่ยอมทำข้อสอบเพราะไม่เห็นประโยชน์ของการสอบนี้ ดังนั้น สพฐ.จึงวางแผนนำคะแนนโอเน็ตมาใช้เป็นองค์ประกอบในการสอบคัดเลือกเข้าเรียนต่อ ม.1 และ ม.4 โดยมีตุ๊กตาเบื้องต้นว่า จะใช้คะแนนโอเน็ตอย่างต่ำ 20% ที่เหลือเป็นคะแนนทดสอบอื่น ๆ ของสถานศึกษา แต่ทั้งนี้ต้องรอจัดประชุมรับฟังความเห็นกับผู้อำนวยการโรงเรียนอผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในเร็ว ๆ นี้ก่อน จึงจะได้ข้อสรุปนำเสนอ รมว.ศธ. พิจารณา เพื่อประกาศใช้กับสถานศึกษาในสังกัดทุกแห่ง นอกจากนั้น สพฐ.จะนำคะแนนโอเน็ตมาใช้ประกอบการพิจารณาเลื่อนช่วงชั้นด้วย โดยขณะนี้ กำลังให้ฝ่ายงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเป็นไปได้ด้วย “ นายชินภัทร กล่าว
นายชินภัทร กล่าวต่อว่า ต่อไป สพฐ.จะให้มีผู้รับผิดชอบโดยเฉพาะดูแลการสอบโอเน็ตของนักเรียนในสังกัด และกรณีที่นักเรียนได้ศูนย์นั้น จะต้องมีขอกระดาษคำตอบมาวิเคราะห์หาสาเหตุ หากพบว่า สาเหตุมาจากการเรียนการสอนแล้ว ครูผู้สอน ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องรับผิดชอบ
“ในห่วงโซ่ของการจัดการศึกษาให้สัมฤทธิ์ผลนั้น หลักสูตร การเรียนการสอน และการประเมินผลต้องมีประสิทธิภาพ แต่สพฐ. พบว่า ครูส่วนใหญ่ยังอ่อนทักษะการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การจัดทดสอบของครูไม่ทำให้ครูได้ข้อมูลสะท้อนกลับเพื่อนำมาพัฒนาผู้เรียนให้ถูกจุดได้ เพราะฉะนั้น สพฐ.จะจัดอบรมให้ความรู้เรื่องการวัดและประเมินผลการเรียนรู้แก่ครู นอกจากนั้น จะมีการจัดทำคลังข้อสอบ เป็นข้อสอบคู่ขนานกับข้อสอบโอเน็ต ซึ่งทางโรงเรียนสามารถขอไปใช้ได้ถ้าหากโรงเรียนต้องการจัดทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในวิชาต่าง ๆ เป็นพิเศษ เพิ่มเติมจากที่โรงเรียนจัดสอบกลางและปลายภาคอยู่แล้ว “ นายชินภัทร กล่าว