สธ. เผยสถานการณ์บำบัดยาเสพติดเพิ่ม เผย ปี 54 มีผู้เข้ารับการบำบัดเพิ่มถึง 3,000 คน จากปี 53 ในช่วงเวลาเดียวกัน กทม. - ปริมณฑลมีผู้บำบัดมากที่สุด ขณะที่ อย.เตรียมออกประกาศคุมยาแก้ไอสูโดเอฟีดรีนเพิ่ม จำกัดผู้ผลิตส่งร้านยาได้แค่ 5,000 เม็ดต่อเดือน
ที่กระทรวงสาธารณสุข เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 เม.ย.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์ผู้เข้ารับการบำบัดยาเสพติดว่า จากรายงานผู้เข้ารับการบำบัดยาเสพติดในสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่ามีจำนวนผู้เข้ารับบริการเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี 2553 มีผู้เข้าบำบัดเพิ่มขึ้นจากปี 2552 จำนวน 5,000 คน โดยในปี 2554 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2553 ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา พบว่า มีผู้เข้ารับการบำบัดเพิ่มขึ้น 3,000 คน และเมื่อแยกดูพื้นที่พบว่า พื้นที่ กทม.และปริมณฑลมีผู้เข้ารับการบำบัดมากที่สุด โดยมีจำนวนผู้เข้ารับการบำบัดสูงถกว่าพื้นที่อื่นๆ ร้อยละ 40 ทั้งนี้เมื่อดูประเภทยาเสพติด พบว่า ยาบ้า มีผู้เข้ารับการบำบัดมากที่สุด สูงถึงร้อยละ 85 ส่วนอีกร้อยละ 15 ที่เหลือนั้น เป็นยาเสพติดประเภทเฮโรอีน กัญชา และสารระเหยอื่นๆ
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การที่มีผู้เข้ารับการบำบัดยาเสพติดจำนวนมากถือเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งตามนโยบายจะถือว่าผู้เสพยาเสพติดเป็นผู้ป่วย เพียงแต่จะต้องเข้ารับการบำบัดตามกฎหมายก่อน ดังนั้นจึงส่งผลให้มีผู้ติดยาเสพติดเข้ารับการบำบัดเป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา
ด้าน นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหากรณีที่มีการนำยาแก้ไอมาผสมเป็นยาเสพติดประเภทใหม่ ว่า เรื่องนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยทาง อย. ได้กำหนดให้ผู้ผลิตยาแก้ไอเหล่านี้ต้องจัดทำบัญชีการจำหน่ายให้กับร้านยา ขณะที่ร้านขายยาเองต้องจำหน่ายไม่เกิด 50 เม็ดต่อครั้ง โดยยาแก้ไอที่มีการควบคุมนั้น ได้แก่ ยาแก้ไอที่มีสารสูโดเอฟีดรีน ผสม คลอ ร์ เฟ นิรามีนเป็นส่วนผสม และในเดือนพฤษภาคมนี้ ทาง อย.เตรียมออกประกาศเพิ่มเติม กำหนดให้ผู้ผลิตจำหน่ายยาแก้ไอตามรายการข้างต้นนี้ ให้กับร้านยาได้ไม่เกิน 5,000 เม็ดต่อเดือน ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการกว้านซื้อเพื่อนำไปทำเป็นยาเสพติดเพื่อเสพ โดยประกาศดังกล่าวได้ผ่านการทำประชาพิจารณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง