
วิจัย"ชุมพร84"โรบัสต้าพันธุ์ใหม่ อีกทางเลือกเกษตรกรปลูกกาแฟ
จากการที่กรมวิชาการเกษตร ได้วิจัยและปรับปรุงพันธุ์กาแฟโรบัสต้ามาอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในการพัฒนากาแฟโรบัสต้าพันธุ์ใหม่เพิ่มอีก 2 พันธุ์ คือ พันธุ์ชุมพร 84-4 และพันธุ์ชุมพร 84-5 ซึ่งคณะกรรมการวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืช ได้พิจารณาประกาศเป็นพ
จิรากร โกศัยเสวี อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเผยว่ากาแฟโรบัสต้าพันธุ์ใหม่ทั้ง 2 พันธุ์นี้ มีศักยภาพการให้ผลผลิตสูงและคุณภาพเมล็ดดีเป็นที่ยอมรับของตลาดและโรงงานแปรรูป สำหรับพันธุ์ชุมพร 84-4 เดิมคือกาแฟโรบัสต้าสายต้น FRT09 ซึ่งผ่านการคัดเลือกและปลูกเปรียบเทียบกับพันธุ์เขาทะลุที่เพาะจากเมล็ด มีลักษณะเด่น คือ มีความแข็งแรง โตเร็ว มีกิ่งให้ผลเป็นจำนวนมาก เริ่มให้ผลผลิตเร็ว ผลสุกพร้อมกัน อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 10 เดือน สามารถเก็บเกี่ยวได้ก่อนพันธุ์เขาทะลุ 1-2 เดือน และเก็บเกี่ยวได้หมดภายใน 2 ครั้งเท่านั้น โดยให้ผลผลิตเมล็ดแห้งสูง (ความชื้นเมล็ด 13%) 482 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี สูงกว่าพันธุ์เขาทะลุ 4.4 เท่า นอกจากนั้นยังมีอัตราการเปลี่ยนจากผลสดเป็นเมล็ดแห้งสูง เฉลี่ยประมาณ 24.5% สูงกว่าพันธุ์เขาทะลุที่ให้อัตราการเปลี่ยน 19.6% และมีน้ำหนัก 100 เมล็ดแห้ง 15.5 กรัม
“พันธุ์ชุมพร 84-5 เดิมชื่อกาแฟโรบัสต้าสายต้น FRT68 เป็นสายต้นที่ได้จากประเทศจีน และเป็นสายต้นในกลุ่มคองโกลีส โดยผ่านการคัดเลือกและปลูกเปรียบเทียบกับพันธุ์เขาทะลุที่เพาะจากเมล็ด มีลักษณะเด่น คือ ให้ผลผลิตเมล็ดแห้งสูง (ความชื้นเมล็ด 13%) 428 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี สูงกว่าพันธุ์เขาทะลุ 3.9 เท่า ต้นมีความแข็งแรง มีกิ่งให้ผลเป็นจำนวนมาก เริ่มให้ผลผลิตเร็ว อายุเก็บเกี่ยว 10 เดือน ผลสุกพร้อมกัน ทำให้เก็บเกี่ยวได้ก่อนพันธุ์เขาทะลุ 1-2 เดือน และเก็บเกี่ยวได้หมดภายใน 2 ครั้ง ขณะเดียวกันยังมีอัตราการเปลี่ยนจากผลสดเป็นเมล็ดแห้งสูง เฉลี่ยประมาณ 25.0% ซึ่งสูงกว่าพันธุ์เขาทะลุที่ให้อัตราการเปลี่ยน 19.6% และมีน้ำหนัก 100 เมล็ดแห้ง 17 กรัม” จิรากร กล่าว
อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวอีกว่า ขณะนี้ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพรได้มีแผนเร่งขยายพันธุ์กาแฟโรบัสต้าชุมพร 84-4 และพันธุ์ชุมพร 84-5 โดยวิธีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเพื่อเพิ่มปริมาณต้นพันธุ์ไว้รองรับความต้องการของเกษตรกรชาวสวนกาแฟ ช่วงปีแรกตั้งเป้าผลิตพันธุ์ละไม่น้อยกว่า 50,000 ต้น รวม 100,000 ต้น และปีถัดไปขึ้นอยู่กับความต้องการเป็นหลัก ขณะเดียวกันยังได้เตรียมสต็อกต้นพันธุ์เพื่อใช้ในโครงการตัดฟื้นต้นกาแฟ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้กลุ่มเกษตรกรชาวสวนกาแฟในพื้นที่ จ.ชุมพร ระนอง และกระบี่
“ปัจจุบันกรมวิชาการเกษตรได้ส่งเสริมให้กลุ่มผู้ปลูกกาแฟโรบัสต้า จัดทำแปลงต้นแบบการฟื้นต้นกาแฟนำร่อง 30 แปลง เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับชาวสวนกาแฟรายอื่น พร้อมแนะนำให้ใช้กาแฟพันธุ์ใหม่เสียบกิ่งภายหลังทำสาวต้นกาแฟ หรือการปรับเปลี่ยนพันธุ์ในสวนเสื่อมโทรมและแปลงที่ให้ผลผลิตต่ำ ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่องทางช่วยให้เกษตรกรได้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผลผลิตโดยรวมของประเทศเพิ่มขึ้น และสามารถช่วยลดปริมาณการนำเข้าเมล็ดกาแฟจากต่างประเทศได้” นายจิรากร กล่าว
สำหรับเกษตรกรที่สนใจข้อมูลเกี่ยวกับกาแฟโรบัสต้าชุมพร 84-4 และพันธุ์ชุมพร 84-5 สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มวิจัยเศรษฐกิจ สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร โทร.0-2940-5486 หรือศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพรจังหวัดชุมพร โทร.0-7755-6073, 0-7755-6026