
10ปีทุเรียนทอดแบรนด์ สุนันท์ ผลิตภัณฑ์ 5 ดาวขึ้นแท่นส่งออก
จากการรวมตัวของ กลุ่มแม่บ้านกระบกแก้วพัฒนา ต.แกลง อ.เมือง จ.ระยอง โดยการนำของ สุนันท์ งามสุข วัย 49 ปี ที่นำเอาผลผลิตทุเรียนในสวนทั้งของตัวเองและสมาชิกลุ่มมาเพิ่มมูลค่า ด้วยการนำแปรรูปเป็น ทุเรียนทอดกรอบ หลังผลผลิตประสบภาวะล้นตลาด ราคาตกต่ำ จวบกระทั่ง
สุนันท์ เล่าให้ฟังว่า ที่บ้านทำอาชีพชาวสวนอยู่ใน ต.แกลง อ.เมือง จ.ระยอง บนพื้นที่ 70 ไร่ ปลูกผลไม้หลายชนิดทั้งทุเรียน มังคุด เงาะ กล้วย ฯลฯ และมีอยู่ช่วงหนึ่งในปี 2540 ทุเรียนล้นตลาดราคาตกต่ำ จึงลองนำผลผลิตมาแปรรูปทอดกรอบบรรจุถุงขายหน้าบ้าน บ้างก็ฝากขายตามร้านค้า ร้านขายของที่ระลึกประจำจังหวัด ช่วงแรกขายไม่ดีนักเพราะรสชาติยังไม่ถูกปากลูกค้า จึงนำคำติชมกลับมาพัฒนาปรับปรุงเรื่อยๆ ลองผิดลองถูกอยู่นานหลายเดือนจนได้รสชาติที่ลูกค้าติดใจ
"จากนั้นพี่จึงชักชวนเพื่อนๆ ตั้งเป็นกลุ่มแม่บ้านกระบกแก้วพัฒนาขึ้นมา แรกๆ ก็มีประมาณ 10 คน จากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนขณะนี้มีสมาชิกประมาณ 34 คน เน้นการนำวัตถุดิบในท้องถิ่นมาแปรรูปเพิ่มมูลค่า โดยเฉพาะทุเรียนหมอนทองที่ราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่องทุกปี แม้รายได้ที่ชาวบ้านได้รับจะไม่สูง แต่สำหรับชาวบ้านถือว่าเป็นรายได้ที่พอเพียง สามารถนำมาจุนเจือครอบครัวได้ ดีกว่าขายทุเรียนเป็นลูกให้พ่อค้าคนกลาง"
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์นั้น “สุนันท์” บอกว่า อยู่ที่ความสดใหม่ของทุกเรียนซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญ และยิ่งไปกว่านั้นต้องใช้ทุเรียน “หมอนทอง” คุณภาพดีเท่านั้น โดยเลือกทุเรียนแก่จัดแต่ไม่ถึงกับสุกนำมาหั่น เมื่อทอดและอบแล้วจะได้รสชาติหวานหอมกำลังดี ส่วนน้ำมันพืชที่ใช้ทอดต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ห้ามใช้ของเก่าเก็บค้าง เพราะจะเกิดกลิ่นหืน ประกอบกับต้องอาศัยความชำนาญในการทอดเพื่อให้เก็บรักษาความกรอบและรสชาติอร่อยไว้ได้นานเป็นปี
ทว่าหลังจากที่กลุ่มแม่บ้านได้แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ทุเรียนทอดกรอบมาได้ระยะหนึ่งก็เริ่มมีปัญหา โดยต้องยอมรับว่าใน จ.ระยอง มีผู้ประกอบการหลายรายและเกือบทั้งหมดรสชาติก็อร่อยไม่แพ้กัน ส่งผลให้สมาชิกในกลุ่มต้องพยายามคิดค้นและพัฒนาผลผลิตในรูปแบบใหม่ๆ โดยได้ทดลองทำเพื่อรับประทานเอง อีกทั้งแจกจ่ายให้เพื่อนบ้านได้ทดลองชิมจนสามารถผลิตเป็นสินค้าเพื่อจำหน่ายได้ จนทำให้สินค้าทุเรียนทอดกรอบแบรนด์ “สุนันท์” มีลูกค้าขาประจำติดตามอย่างยาวนาน
สุนันท์ ระบุว่า สมาชิกกลุ่มยึดหลักความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ทุกครั้งที่ทุกคนลงมือทำจะใส่ความตั้งใจลงไปพร้อมต้องคิดอยู่เสมอว่ากำลังทำให้คนในครอบครัวของแต่ละคนรับประทาน ดังนั้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจึงได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี นั่นรวมถึงตลาดส่งออกก็มีการตอบรับเป็นอย่างดีด้วย
“เราจะยึดความเสมอต้นเสมอปลาย เคยทำขนาดชิ้นใหญ่อย่างไรทุกวันนี้ก็ยังต้องให้ชิ้นขนาดเท่าเดิม รสชาติเหมือนเดิม และขายในราคายุติธรรม อย่าเอาเปรียบลูกค้า ทำให้ลูกค้าเชื่อใจเรา แล้วกลับมาซื้อเรื่อยๆ” สุนันท์ กล่าว
ทั้งนี้ ในการแปรรูปทุเรียนทอดกรอบนั้น วัตถุดิบทุเรียนสดจะนำมาจากสวนที่บ้านของตัวเอง จากบ้านของสมาชิกกลุ่ม ส่วนหนึ่งรับซื้อจากชาวบ้านในท้องที่ใกล้เคียง และมาจากภาคใต้ สำหรับราคาที่ซื้อมาจะอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 28 บาท (ราคาปี 2553) แต่เมื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์แล้ว ราคาขายส่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 420 บาท ราคาขายปลีกกิโลกรัมละ 500 ซึ่งราคาดังกล่าวเมื่อหักต้นทุนทุกอย่างแล้วจะเหลือกำไรเพียงกิโลกรัมละประมาณ 30-50%
ด้วยรสชาติกรอบ อร่อย หวาน มัน และคุณภาพที่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ทุเรียนทอดกรอบแบรนด์ "สุนันท์" ได้รับคัดเลือกให้เป็นสุดยอดสินหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ระดับ 3 ดาว ปี 2546 ระดับ 4 ดาว ปี 2547 และระดับ 5 ดาว ในปี 2552-2553 อีกด้วย
ส่วนช่องทางการจำหน่ายมีจำหน่ายที่บ้านตนเองซึ่งเป็นที่ทำการกลุ่ม ณ บ้านเลขที่ 8/1 เขาโบสถ์ หมู่ 5 ต.แกลง ส่งให้ร้านตัวแทนจำหน่ายใน จ.ระยอง ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ที่กรุงเทพฯ รวมถึงมีตัวแทนรับไปส่งขายประเทศสหรัฐอเมริกาและจีนอีกด้วย เฉลี่ยต่อเดือนมียอดส่งออกประมาณ 800 กิโลกรัม ส่วนยอดรวมทั้งภายในและต่างประเทศจะอยู่ที่ประมาณ 400 ตันต่อปี ส่วนรายได้แต่ละเดือนไม่หักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณเดือนละ 3 แสนบาท
ปัญหาทุกวันนี้ สุนันท์บอกว่า ด้วยต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นราคาทุเรียนสด ราคาน้ำมันพืช และค่าพลังงานแก๊สหุงต้ม เป็นต้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส) จำนวน 3 ล้านบาท เพื่อไว้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน อย่างไรก็ตาม สำหรับเกษตรกรที่สนใจในรายละเอียดการนำวัตถุดิบทางการเกษตรมาแปรรูป เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิตนั้น ให้สอบถามไปที่กลุ่มได้ โทร.08-1945-7174 หรือ 0-3864-7300-1
9 ขั้นตอนทำ "ทุเรียนทอดกรอบ"
1.เตรียมทุเรียนหมอนทองแก่ผลใหญ่น้ำหนัก 5-10 กิโลกรัมต่อผล
2.ผ่าเอาเปลือกออก/แกะ เพื่อผ่าเมล็ดออก ผ่าเนื้อเป็น 2 ซีก
3.หั่นเป็นชิ้นบางๆ ขนาด 1-2 มิลลิเมตร ด้วยเครื่องหั่น
4.นำลงทอดในน้ำมันที่ร้อนปานกลาง (ไฟกลาง) เดือดจัดประมาณ 15 นาที
5.สังเกตว่าสุกเหลือง ตักขึ้นวางบนตะแกรง ประมาณ 5 นาที ให้สะเด็ดน้ำมัน
6.คัดเกรดโดยผ่านตะแกรงร่อนเป็น 3 ขนาด แผ่นใหญ่/แผ่นกลาง และแผ่นเล็ก (จิ๋ว)
7.แยกบรรจุถุงพลาสติก ขนาด 5-10 กิโลกรัม เก็บไว้ในห้องมืด รอจำหน่าย หรืออบในตู้อบลมร้อนไล่น้ำมันนาน 1 ชั่วโมง
8.บรรจุถุงขนาด 500 กรัม 300 กรัม 250 กรัม 150 กรัม
9.ติดสติกเกอร์เตรียมส่งจำหน่าย
"จุไรรัตน์ เกื้อหนุน"