ไลฟ์สไตล์

พลิกผืนนาทำสวน "มะยงชิด"
ทางเสริมรายได้หลังเกษียณ

พลิกผืนนาทำสวน "มะยงชิด" ทางเสริมรายได้หลังเกษียณ

08 เม.ย. 2554

แม้จะมีอาชีพรับราชการสังกัดกรมทรัพยากรน้ำ "ธีระวัฒน์ ตรงคง" อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 หมู่ 7 ต.เกาะหวาย อ.ปากพลี จ.นครนายก แต่ก็ยังเจียดเวลามาทำสวนเกษตรด้วยการปลูกมะยงชิด มะปรางหวานเพื่อเป็นรายได้เสริม โดยใช้พื้นที่กว่า 12 ไร่ที่เคยเป็นที่นาเก่ามาปรับเ

  จนในที่สุดก็ไม่ผิดหวัง เมื่อเห็นมะยงชิดผลิดอกออกผลเหลืองอร่ามเต็มต้น จากนั้นจึงเตรียมขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มหลังผู้เป็นบิดาตัดสินใจยกที่ดินให้ 12 ไร่พลิกจากพื้นนามาเป็นสวนมะยงชิดมะปรางหวาน เมื่อปี 2542 หวังให้เป็นรายได้หลังเกษียณจากชีวิตราชการในอีก 7 ปีข้างหน้า

 "ตัดสินใจทำตรงนี้ในช่วงปีแรกๆ ของการทำลำบากมากเพราะทุกต้นของมะยงชิดและมะปรางหวาน เป็นการท้าทาย ซึ่งถ้าไม่มีใจรัก ทำเพราะความสนุกหรือตามกระแส เตรียมตัวเตรียมใจได้เลยว่าไปไม่รอดแน่"

 ธีระวัฒน์ อธิบายถึงขั้นตอนการปลูกว่าในพื้นที่ 1 ไร่จะสามารถปลูกมะยงชิดได้ประมาณ 40 ต้น โดยระยะการปลูกสำหรับที่สวนวริสา 6X6 เพื่อสะดวกในการแต่งกิ่ง การให้น้ำหลังปลูกใหม่ 2-3 ต่อครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชื้นของพื้นที่ช่วงที่แตกใบอ่อนนั้นต้องดูแลมากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันเพลี้ยไฟมาดูดน้ำเลี้ยงที่ใบอ่อน ยอดอ่อนและช่อดอก ตลอดจนผลอ่อนของมะยงชิด และมะปรางหวาน ทำให้ใบไหม้หงิกงอ เสียรูปทรงและติดผลน้อย เมื่อมีอายุประมาณ 3-4 ปีก็เริ่มติดผล และผลผลิตจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุของต้น ซึ่งโดยปกติแล้วชาวสวนจะมีเคล็ดลับและวิธีการดูแลต้นมะยงชิดและมะปรางให้ออกดอกติดผลต่างกัน ส่วนการเลือกใส่ปุ๋ยก็จะทำให้รสชาติแตกต่างกันออกไป ถ้าใส่ปุ๋ยเคมี รสชาติจะออกหวานแบบชืด ถ้าใสปุ๋ยชีวภาพก็จะหวานแบบชื่นใจคือหวานแบบธรรมชาติ

 เจ้าของสวนวริสาเผยอีกว่า ด้วยสภาพอากาศช่วงของฤดูหนาวค่อนข้างจะยาวนานในปี 2554 นี้ จึงเป็นผลดีต่อเกษตรกรผู้ผลิตมะปราง และมะยงชิด มะปรางออกช่อและติดลูกมีถึง 2 ช่วงด้วยกัน โดยช่วงแรกผลจะสุกประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ และช่วงที่สองประมาณเดือนมีนาคม สำหรับรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตในแต่ละปีหายแสนบาท รวมทั้งการจำหน่ายกิ่งพันธุ์ด้วย

  "มะยงชิด ผลไม้ที่มีรสชาติถึงสองรสในหนึ่งลูก นั่นคือ มีรสหวานอมเปรี้ยว หากรสมะยงชิดไปทางหวานมากกว่าเปรี้ยวจะเรียก มะยงชิด หากรสไปทางเปรี้ยวมากกว่าหวานจะเรียก "มะยง หรือมะยงห่าง" ผลของมะยงจะมีขนาดใหญ่กว่ามะปรางหวาน กลมมนกว่า หนึ่งกิโลกรัมละมีประมาณ 8-15 ลูก ราคาเฉลี่ย 150-350 บาท"

 สำหรับสวนวริสา ธีระวัฒน์บอกว่า แต่ละต้นจะให้ผลผลิตเฉลี่ย 40-60 กิโลกรัม และเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวและเกษตรกรทุกวันสำหรับผู้ที่สนใจต้องการข้อมูลในการปลูกและดูแลบำรุงรักษาอย่างถูกวิธีและให้ผลผลิตเร็วสามารถติดต่อตนเองได้ที่ 08-1919-5823 ส่วนปัญหาของมะยงชิดนอกจากมีระบบรากน้อย ถ้ากิ่งพันธุ์มีระบบรากไม่ดีพอ มักพบปัญหาปลูกแล้วยืนต้นตายหลังแตกใบอ่อนได้เพียงชุดเดียว หรือบางครั้งต้นแคระแกร็นไม่ยอมแตกใบอ่อน แม้จะดูแลดีก็ตาม

 "ถ้าเป็นกิ่งพันธุ์ที่มีรากแก้ว การเจริญเติบโตจะดีมาก กิ่งประเภทนี้จะเป็นกิ่งเสียบยอดหรือกิ่งทาบที่ยกต้นทาบและไม่ตัดรากแก้ว ส่วนกิ่งทาบทั่วไปที่เกษตรกรบางรายผลิตขายนั้นจะไม่มีรากแก้ว เพราะจะตัดรากแก้วออกเหมือนกับการทาบกิ่งมะม่วง ปริมาณรากจะน้อยโอกาสตายจะมีมาก ถ้าจะเลือกกิ่งประเภทนี้จะต้องดูกิ่งค้างปีหรือเป็นกิ่งที่ตัดชำลงในถุงนาน 7-8 เดือน ระบบรากจึงจะแข็งแรงและมีอัตราการรอดตายสูง" ธีระวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย ก่อนชี้ให้ดูผลมะยงชิดที่สุกเหลืองอร่ามอยู่เต็มสวน
      
"สุรัตน์ อัตตะ"