
บัณฑิตครูนับพันชวดใบประกอบวิชาชีพ
เลขาธิการคุรุสภาเผยบัณฑิตครูกว่า 1 พันคนจาก 22 สถาบันไม่ได้ใบวิชาชีพครู ชี้ผลิตบัณฑิตไม่ได้มาตรฐานนำผู้จบปวส.-ปกศ.สูงมาเทียบโอนเรียนหลักสูตรครู 5 ปี ประชุมคณะกรรมการคุรุสภาถกหาทางแก้วันที่ 7 เม.ย.นี้ ระบุออกใบวิชาชีพให้ได้เฉพาะบางกลุ่ม มึนวิทยาลัยเทคนิคดึ
(6เม.ย.) นายองค์กร อมรสิรินันท์ เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยว่า ตามที่มติคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ประจำปี พ.ศ. 2554 โดยกำหนดให้ผู้ที่จะสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการครูต้องนำใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูมาใช้สมัครเท่านั้น ว่า ในช่วงวันที่ 4-6 เม.ย.ที่ผ่านมามีบัณฑิตครูที่จบการศึกษาในปีนี้และครูเก่าที่ใบอนุญาตฯหมดอายุ มาวิ่งยื่นขอใบอนุญาตฯกว่า 1 แสนคน
ทั้งนี้คุรุสภาได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าโดยการระดมเจ้าหน้าที่คุรุสภาจากจังหวัดใกล้เคียง 10 จังหวัด เช่น สมุทรสาคร สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี ให้มาเร่งออกใบอนุญาตฯ ซึ่งตนยืนยันว่าคุรุสภาจะออกใบอนุญาตฯให้ได้ทันก่อนหมดเขตสมัครสอบบรรจุครูในวันที่ 10 เม.ย.นี้ อย่างแน่นอน โดยจากข้อมูลขณะนี้เราสามารถออกใบอนุญาตให้ได้ประมาณวันละ 10,000 คน
เลขาธิการคุรุสภา กล่าวอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมาอีกในขณะนี้คือมีบัณฑิตจำนวนกว่า 1,000 คน จาก 22 สถาบัน ซึ่งคุรุสภายังไม่สามารถออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูให้ได้ เนื่องจากตรวจพบว่าแต่ละมหาวิทยาลัยไม่ได้ผลิตบัณฑิตตามมาตรฐานการผลิตที่ทางคุรุสภากำหนด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหลักสูตร 5 ปี ที่คุรุสภาได้รับรองหลักสูตรอยู่แล้ว แต่มหาวิทยาลัยไปจัดการเรียนการสอนต่างจากที่คุรุสภารับรอง เช่นหลักสูตร 5 ปี เจตนาต้องการสร้างครูพันธุ์ใหม่ ซึ่งเด็กจะต้องเรียนวิชาการ 4 ปี และปีที่ 5 จะต้องไปปฏิบัติการสอนจริง
แต่มหาวิทยาลัยใช้วิธีการเทียบโอนเข้าเรียนโดยการรับเด็กที่จบอนุปริญญา เช่นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส.)หรือประกาศนียบัตรการศึกษาชั้นสูง(ปกศ.สูง) มาเทียบโอนเข้าหลักสูตร 5 ปี เป็นต้น โดยเด็กอาจจบ 3 ปีหรือ 2 ปีกว่า เด็กกลุ่มนี้จะมีอยู่ประมาณเกือบ 1,000 คน ซึ่งหลักเกณฑ์ของคุรุสภาที่จะออกใบอนุญาตฯตรงนี้ไม่มี เพราะคุรุสภามีแต่หลักเกณฑ์ 5 ปี ซึ่งปีที่ 5 จะต้องปฏิบัติการสอนจริง และจะต้องสอนเต็มหลักสูตร 1 ปี จะเรียนเสาร์- อาทิตย์ไม่ได้ อีกทั้งสถานศึกษาที่ไปปฏิบัติการสอนจะต้องเป็นสถานศึกษาที่ผ่านเกณฑ์ประเมินของสมศ.ด้วย ซึ่งเรื่องนี้จะประชุมคณะกรรมการคุรุสภาเพื่อหาทางแก้ไขในวันที่ 7 เม.ย.นี้ แต่คุรุสภาก็จะสามารถออกใบอนุญาตฯให้ได้เฉพาะบางกลุ่มเท่านั้น
“คุรุสภาทราบว่ามีการสอนหลักสูตร 5 ปี นอกกฎกติกาเพราะมีเด็กเข้ามาขึ้นทะเบียนบางคนจบตั้งแต่ปี 2551-2553 ก็ ซึ่งผู้ที่จะจบหลักสูตร 5 ปีที่ถูกต้องจะต้องเรียนตั้งแต่ปี 2549 และจะมาจบในปี 2554 ดังนั้นคนที่จบหลักสูตร 5 ปีก่อนปี 2554 จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์คุรุสภาที่จะออกใบอนุญาตให้ได้ แต่คุรุสภาก็จะหาวิธีเยียวยาให้" นายองค์กรกล่าว
เลขาธิการคุรุสภา กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือมาตรฐานการผลิตเพราะมหาวิทยาลัยไม่ได้ผลิตตามที่เสนอรับรองก็จะเกิดผลกระทบกับเด็กทันที อีกเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นคือเด็กจบประกาศนียบัตรครูเทคนิคชั้นสูง(ปทส.)จากวิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่งสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)ประมาณ 11 คน ทางวิทยาลัยดังกล่าวได้จัดหลักสูตร 5 ปีให้แก่นักศึกษากลุ่มดังกล่าว ซึ่งจะขึ้นทะเบียนขอใบอนุญาตไม่ได้เลย เพราะคุรุสภาไม่ได้รับรองหลักสูตรปทส. ขณะเดียวกันสอศ.ไม่ได้มีพ.ร.บ.ให้จัดการศึกษาหลักสูตร 5 ปี เท่ากับเด็กไปปฏิบัติการสอนฟรี 1 ปี เพราะไม่สามารถให้เป็นประสบการณ์ที่จะมาขอใบอนุญาตฯได้ ทั้งนี้ คุรุสภาได้แก้ปัญหาโดยให้เด็กยื่นเทียบโอนแต่ขาดไป 1 มาตรฐาน จึงไม่รู้ว่าจะเยียวยาเด็กกลุ่มนี้ได้อย่างไร
นายองค์กร กล่าวด้วยว่า ยังได้รับแจ้งจากผู้ที่ไปสมัครสอบครูผู้ช่วยในเขตพื้นที่การศึกษาต่างๆ ที่เปิดรับสมัครอยู่ในขณะนี้ว่า ทางเขตพื้นที่ฯจะไม่รับสมัครให้หากไม่มีใบประกอบวิชาชีพฉบับพกพาไปยื่นประกอบกับใบประกอบวิชาชีพครูฉบับใหญ่ที่เป็นฉบับจริง เพราะต้องการดูรูปประกอบการรับสมัคร ซึ่งเรื่องนี้ตนขอทำความเข้าใจกับทางเขตพื้นที่ฯ ว่าในการรับสมัครไม่จำเป็นต้องใช้ใบประกอบวิชาชีพฉบับพกพาก็ได้ แค่มีใบประกอบวิชาชีพครูฉบับใหญ่ที่เป็นฉบับจริงก็ถือว่าเอกสารหลักฐานครบสมบูรณ์แล้ว หากอยากจะดูรูปของผู้สมัครว่าใช่ตัวจริงหรือไม่ก็สามารถตรวจสอบจากบัตรประชาชนก็ได้