
หัวใจไทย-หุ่นช่างฟ้อนโจหน่า
เรื่องราวตำนานรักที่เกิดขึ้นจริงในดินแดนล้านนา เมื่อกว่าร้อยปีก่อน กล่าวถึงความรักของเจ้าน้อยศุขเกษม ณ เชียงใหม่ กับ มะเมียะ หญิงสาวชาวพม่า
ซึ่งจบด้วยความร้าวราน การพลัดพรากที่ไม่อาจพบกัน จนจวบสิ้นลมหายใจ และในช่วงเวลาเดียวกันกับเหตุการณ์ความรักที่ร้าวรานของเจ้าน้อยและมะเมียะนั้น ก็มีอีกความรักหนึ่งที่เกิดขึ้นและพบความผิดหวังในเวลาใกล้เคียงกันคือ ตำนานรักลาวดวงเดือน เป็นความรักระหว่างพระองค์เพ็ญ หรือพระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ (ซึ่งพระองค์นิพนธ์เพลงรักอมตะที่คนไทยรู้จักกันดีคือ เพลง ลาวดวงเดือน) กับ เจ้าชมชื่น ณ เชียงใหม่ และความรักของทั้งคู่ก็พบกับความผิดหวังเช่นเดียวกับความรักของมะเมียะและเจ้าน้อย ทั้งสองตำนานเป็นตำนานรักอมตะที่เป็นประวัติศาสตร์ทั้งล้านนา และสยาม จวบจนถึงปัจจุบันที่ผู้คนก็ยังกล่าวถึง อาจจะด้วยความแตกต่างของชนชาติ ชนชั้น หรือปัญหาบ้านเมืองในยุคสมัยนั้น ซึ่งทำให้ความรักทั้งคู่พบกับความผิดหวัง
ตำนานรักอมตะทั้งสองเรื่องจะถูกนำเสนออีกครั้งในเวทีการแสดงทางวัฒนธรรมของ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เร็วๆ นี้ โดย ศิลปินหุ่นช่างฟ้อน ''โจ-หน่า'' คุณภาสกร และ คุณทรัพย์ทวี สุนทรมงคล สองสามีภรรยา เจ้าของรางวัล ''Award for the most tender and poetic interpretation'' จากการแสดงเรื่อง ''ลาวดวงเดือน'' ในเวทีเทศกาลหุ่นโลก ครั้งที่ 14 ที่กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก และรางวัล ''The Most Poetic Interpretation'' ในการแสดงเรื่อง ''Princess of Love'' จากวรรณกรรมอมตะล้านนาเรื่อง ''มะเมียะ'' ในเทศกาลหุ่นโลกครั้งที่ 13
ศิลปินหุ่นช่างฟ้อน กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า สิ่งที่อยากจะนำเสนอผ่านการแสดงหุ่นในเรื่องนี้คือ ไม่ว่าเหตุการณ์จะผ่านมาร้อยกว่าปีแล้ว ทุกวันนี้คนเราก็ไม่เคยเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ยังมีการแบ่งแยก ชนชาติ ชนชั้น ศาสนา ทั้งๆ ที่สุดท้าย แล้วมันก็จบที่ความเศร้าโศก ไม่มีความสุข จุดจบความรักของเจ้าน้อย มะเมียะ พระองค์เพ็ญ เจ้าชมชื่น อาจจะทำให้ทุกคนหยุดคิด เรียนรู้ และมองไปรอบๆ ตัวและพร้อมที่จะให้ความรักกันมากขึ้นไม่มากก็น้อย บทเรียนจากตำนานรักอมตะทั้งสองเรื่องนี้ อาจทำให้ทุกคนในโลกนี้ เป็นหนึ่งเดียว เราไม่ใช่คนชาติไหน ใช้ภาษาอะไร สีผิวอะไร นับถือศาสนาอะไร แต่เราเป็นคนที่อยู่ร่วมโลกเดียวกัน และทุกคนมีความรักและปรารถนาดีต่อกัน ตอนจบสุดท้าย คำตอบที่ได้มันคือ “ความสุข” นั่นเอง