
ลุงแจ่มระวังภัย ใช้สารหล่อลื่นผิด ถุงยางอาจแตกได้
สารหล่อลื่นที่นิยมใช้เติมในถุงยางอนามัยก่อนบรรจุเพื่อช่วยให้ลื่น ไม่ฝืด สะดวกในการใช้ คือ ซิลิโคน ออยล์ (silicone oil) สารหล่อลื่นมีหลายชนิด ทั้งในรูปน้ำมัน เจลลี่ ครีม โลชั่น ขี้ผึ้ง
สารเหล่านี้แบ่งประเภทตามชนิดตัวละลายเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทละลายในน้ำ และประเภทละลายในน้ำมัน เช่น เบบี้ออยล์ วาสลีนครีม โลชั่นทาผิว น้ำมันพืช ไม่ควรใช้กับถุงยางอนามัย จะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ถุงยางอนามัยแตกขาดง่าย
จากการทดสอบปริมาณสารหล่อลื่นในถุงยางอนามัย จำนวน 60 ตัวอย่าง โดยสำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จำแนกเป็นถุงยางอนามัยยี่ห้อต่างๆ ของบริษัทผู้ผลิตในประเทศไทย 5 แห่ง และตัวอย่างถุงยางอนามัยแจกฟรีของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งผลการทดสอบปริมาณสารหล่อลื่น
มาตรฐานถุงยางอนามัย มอก.625-2548 ของกระทรวงอุตสาหกรรม และมาตรฐานสากล ISO 4074 : 2002 ไม่ได้กำหนดว่า ควรจะใส่สารหล่อลื่นมากน้อยเท่าไร มีกำหนดเพียงวิธีทดสอบปริมาณสารหล่อลื่น การใส่ปริมาณสารหล่อลื่น จึงขึ้นกับผู้ผลิตเป็นผู้กำหนด ส่วนมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดปริมาณซิลิโคน ออยล์ 550 มิลลิกรัม +/- 150 มิลลิกรัม หรือ 400-700 มิลลิกรัม
ถุงยางอนามัยที่จำหน่าย รวมถึงถุงยางอนามัยแจกฟรีของกระทรวงสาธารณสุข เป็นถุงยางอนามัยที่ใส่สารหล่อลื่นทั้งหมด และผ่านการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานแล้ว
ผลการทดสอบโดยห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สามารถยืนยันได้ว่า ปริมาณสารหล่อลื่นในถุงยางอนามัยของทุกยี่ห้อมีปริมาณเพียงพอ ถึงแม้ว่าปริมาณสารหล่อลื่นที่ผู้ผลิตใส่ในปริมาณที่เหมาะสมแล้ว แต่หากมีการรั่วซึมของซองบรรจุ อาจทำให้สารหล่อลื่นรั่วซึมออกไป
กล่องบรรจุถุงยางอนามัย หรือฉลากกำกับ จะมีคำเตือนเกี่ยวกับการใช้สารหล่อลื่นเพิ่มเติมอยู่แล้วว่า ควรใช้สารใดและไม่ควรใช้สารใด เพื่อเป็นการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และป้องกันการตั้งครรภ์อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้ใช้ถุงยางอนามัยควรอ่านฉลาก และใช้ให้ถูกวิธี ไม่ใช้ถุงยางอนามัยที่หมดอายุ เก็บถุงยางอนามัยในที่ที่เหมาะสม เช่น เก็บไว้ในที่แห้งและเย็น ไม่ถูกแสงแดด หรือความร้อน อย่าเก็บถุงยางอนามัยในกระเป๋าสตางค์ หรือกระเป๋ากางเกงด้านหลัง เพราะหากมีการกดทับจะทำให้ถุงยางอนามัยฉีกขาดได้
สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์