ไลฟ์สไตล์

การผ่าตัดรักษา ภาวะหลอดเลือดแดงโป่งพอง

การผ่าตัดรักษา ภาวะหลอดเลือดแดงโป่งพอง

28 มี.ค. 2554

ในร่างกายมนุษย์ มีหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ต้า (Aorta) เป็นหลอดเลือดแดงหลัก ทำหน้าที่ลำเลียงเลือดจากหัวใจไปสู่อวัยวะต่างๆ

 โดยความผิดปกติที่มักเกิดขึ้นกับหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ต้า คือ การขยายตัว(โป่งพอง) ของหลอดเลือดจนกลายเป็นถุงขังเลือดไว้ และเมื่อหลอดเลือดมีสภาวะโป่งพองมากขึ้น จะมีความเสี่ยงที่หลอดเลือดจะแตกออก เป็นอันตรายทำให้เสียชีวิตได้ โดยเฉลี่ยจะมีผู้ป่วยเพียง 1 ใน 4 เท่านั้น ที่จะรอดชีวิตหลังจากเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแตก
 สำหรับผู้ป่วยภาวะหลอดเลือดแดงโป่งพองโดยส่วนใหญ่ มักจะเป็นที่บริเวณช่องท้อง
 หลายคนเข้าใจว่า ความน่ากลัวของภาวะหลอดเลือดแดงโป่งพอง อยู่ที่ความรุนแรงของโรค ที่อาจทำให้เสียชีวิต แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความน่ากลัวของภาวะหลอดเลือดแดงโป่งพอง คือ ผู้ป่วยจะไม่รู้ตัวเลยว่า อยู่ในสภาวะหลอดเลือดแดงโป่งพอง จนเมื่อความผิดปกติของหลอดเลือดมีมากขึ้น และผนังหลอดเลือดเริ่มบางลง จนอยู่ในขั้นอันตราย เสี่ยงต่อการที่หลอดเลือดโป่งพองจะแตกออก และส่งผลถึงชีวิตในที่สุด
 ทำให้แนวทางการรักษาผู้ป่วยภาวะหลอดเลือดแดงโป่งพองส่วนใหญ่จะใช้การผ่าตัดเป็นทางออก เพราะกว่าที่จะรู้ตัวว่าเป็นโรค ก็อยู่สภาวะที่เป็นอันตรายแล้ว ดังนั้น การรักษาด้วยการเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิต หรือการใช้ยาในการรักษา จึงสามารถช่วยได้เพียงแค่ระงับไม่ให้ความผิดปกติที่เป็นอยู่เพิ่มมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หายขาดจากอาการที่เป็นอยู่
 เมื่อพูดถึงการผ่าตัด หลายท่านคงรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย และคงมีคำถามต่อมาว่า แล้วสภาวะใดที่ถือว่า เป็นอันตรายจนถึงขั้นที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเกินกว่าที่จะตอบได้ เพราะระยะที่ถือว่า เข้าขั้นอันตรายของภาวะหลอดเลือดแดงโป่งพอง ก็คือ ระยะที่ตรวจพบว่าหลอดเลือดแดงขยายตัวจนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า  5.5  ซม.ขึ้นไป ซึ่งถือเป็นระยะที่อันตราย และผู้ป่วยควรได้รับการผ่าตัดเพื่อลดความเสี่ยงจะเกิดภาวะหลอดเลือดแตก
 วิธีการผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพ ใช้วิธีการผ่าตัดเปิดช่องท้อง เพื่อทำการหนีบหลอดเลือดเอออร์ตาไว้ และผ่าเปิดออกเพื่อให้เลือดที่คั่งอยู่ระบายออกมา จากนั้นจะทำการเย็บหลอดเลือดแดงขนาดเล็ก ที่เชื่อมต่อกับหลอดเลือดเอออร์ตาในบริเวณที่เป็นปัญหา เข้ากับหลอดเลือดเทียมจนเรียบร้อย จึงทำการเย็บปิดปากแผลที่ช่องท้อง  
 โดยปกติแล้ว หลังจากการผ่าตัดประมาณหนึ่งสัปดาห์ ผู้ป่วยจะสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ และสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่จะใช้เวลาพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 10 วัน จากนั้นจึงออกจากโรงพยาบาลไปใช้ชีวิตตามปกติ ยังมีข้อควรระวังสำหรับผู้ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดมา คือ ควรหลีกเลี่ยงงานที่ต้องยกของหนัก และอย่าขับรถจนกว่าท่านจะมั่นใจว่าสามารถควบคุมรถได้อย่างปกติ
 หลายท่านอาจยังไม่หายกังวล หากต้องเข้ารับการผ่าตัด แต่เชื่อเถอะว่า เป็นวิธีการรักษาที่สามารความลดความเสี่ยงจากอันตราย และภาวะแทรกซ้อนได้ดีที่สุด อีกทั้งในแต่ละขั้นตอน ยังมีศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้ป่วยปฎิบัติตนถูกขั้นตอนอย่างเหมาะสม
โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ
โทร.1719