
จากผลิตภัณฑ์ชุมชนสู่ธุรกิจเอสเอ็มอี วันนี้สินค้า "บ้านมะขาม" สู่ตลาดโลก
การที่ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลมะขามหวาน ภายใต้เครื่องหมายการค้าหรือแบรนด์ "ตราบ้านมะขาม" ออกสู่ท้องตลาดจนมาถึงวันนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตกเมื่อปี 2539-2540 หลังจากที่ นิวัฒน์ โฆวงศ์ประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวนผึ้งหวาน จำกัด ผู้ผลิตม
นิวัฒน์บอกว่า ไม่เคยคิดว่าจะมาทำธุรกิจการแปรรูปมะขามหวาน เพราะทำอาชีพผลิตเฟอร์นิเจอร์และเครื่องตกแต่งภายใน แต่กิจการทรุดลงช่วงวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ถึงขั้นต้องเลิก ในระหว่างนั้นเขาหารือกับภรรยา "พัชรี โฆวงศ์ประเสริฐ" ซึ่งเป็นชาว อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ แหล่งปลูกมะขามหวานมากที่สุดในประเทศไทย ประจวบกับรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) จึงได้น้อมนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการนำมะขามหวานจาก จ.เพชรบูรณ์ มาแปรรูปในนามกลุ่มชุมชนบ้านมะขาม เขตสะพานสูง เริ่มจากมะขามหวานอบแห้งไร้เมล็ด วางขายตั้งแต่ปี 2541-2544 ได้จดทะเบียนเป็น หจก.บ้านสวนผึ้งขึ้นมา กระทั่งยกระดับเป็นบริษัท สวนผึ้ง จำกัด ในเวลาต่อมา
"ช่วงแรกทำตามมีตามเกิด ไม่มีแบรนด์ จนมาปี 2545 มีหน่วยงานของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมแนะนำให้สร้างแบรนด์ เพื่อสร้างความยั่งยืน พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ทั้งการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ พัฒนาการผลิตและการวางแผนธุรกิจ อาทิ โครงการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ (เอ็นอีซี) โครงการพัฒนาผู้ประกอบการอุตสาหกรรม (คพอ.) โครงการโอท็อป พอเราบรรจุแพ็กส่งเข้าประกวดในโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ จนได้รับการคัดสรรเป็นสุดยอดสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือโอท็อประดับ 5 ดาวของเขตสะพานสูงในปี 2545 และในปีนี้เองกิจการของผมเริ่มดีขึ้น สามารถนำสินค้าไปวางในโมเดิร์นเทรด ทั้ง เซเว่น อีเลฟเว่น เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี และเดอะมอลล์" นิวัฒน์กล่าว
กรรมการผู้จัดการ บริษัทสวนผึ้งหวาน บอกอีกว่า หลังจากสินค้าวางตลาดมากขึ้น ทำให้กำลังผลิตไม่พอจึงมีการสร้างเครือข่ายการผลิตเบื้องต้น 4 หมู่บ้านใน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ และรับซื้อผลผลิตมะขามหวานจากชาวไร่ปีละ 2,000 ตัน พร้อมกับพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตจนได้มาตรฐานจีเอ็มพี จนผลิตภัณฑ์ได้รางวัลมากมาย อาทิ โอท็อประดับ 5 ดาว 5 ปีซ้อน ได้รับเครื่องหมายไทยแลนด์ แบรนด์ (Thailand Brand) ในปี 2549 และอีกหลายรางวัล
ปัจจุบันบริษัทสวนผึ้งหวาน ขยายโรงงานใหม่พร้อมสำนักงานในพื้นที่ 1.5 ไร่ ผลิตสินค้า 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มอบแห้ง มีการปรุงแต่งเล็กน้อย อาทิ มะขามอบแห้งไร้เมล็ด มะขามคลุกเสวยมะขามเปรี้ยวแซบ มะขามแช่อิ่มอบน้ำผึ้งและมะขามหยี 3 รส 2.กลุ่มกวน มีมะขามเคี้ยวหนึบบด ทอฟฟี่มะขาม 5 รส มะขามจี๊ด มะนาวจี๊ด กระท้อนจี๊ด และมะขามจี๊ดโยเกิร์ต 3.กลุ่มขนม จะเป็นผลิตภัณฑ์ขนมชนิดอื่นๆ ที่มีส่วนผสมของมะขามอยู่ด้วย อาทิ กล้วยกรอบแก้วไส้มะขาม พายเค้กไส้มะขาม ทาร์ตมะขาม ฟรุตแคร็กเกอร์มะขาม บิสกิตมะขาม หมี่กรอบซอสมะขาม แทมมารินด์ครีมชีสพาย แทมมารินด์คุกกี้ และกลุ่มสุดท้ายเป็นกลุ่มอื่น อาทิ น้ำมะขามเข้มข้น น้ำพริกมะขาม นอกจากนี้ มีผลิตภัณฑ์จากบ๊วย มี 3 รสชาติ คือ บ๊วยทรงเครื่อง บ๊วยสีทอง และบ๊วยรสเปปเปอร์มิ้นท์ด้วย
สำหรับผลิตทั้งหมดส่วนหนึ่งวางจำหน่ายที่ศูนย์จำหน่ายในหมู่บ้านพฤกษชาติ เขตสะพานสูง ตามตลาดทั่วไป แต่บางชนิดมีจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า เซเว่น อีเลฟเว่น บางส่วนส่งขายต่างประเทศมีตลาดหลักที่ส่งเองที่สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย นอกจากนี้ ยังมีบริษัทอื่นรับซื้อเพื่อส่งออกอีกหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ ฝรั่งเศส อินเดีย ฟิลิปปินส์ และ ดูไบ เป็นต้น แต่ตลาดหลักที่สร้างรายได้ให้บ้านมะขามหวานมากที่สุดคือที่ เซเว่น อีเลฟเว่น ซึ่งจำหน่ายกว่า 1,000 สาขาทั่วประเทศ มีมูลค่าเกือบ 50 ล้านบาท มีสินค้าวางขาย 7 รายการ ได้แก่ มะขามเคี้ยวหนึบรสบ๊วยจี๊ดจ๊าด มะขามเคี้ยวหนึบรสบ๊วยดั้งเดิม มะขามหยี 3 รส กระท้อนจี๊ดพริกเกลือ มะนาวจี๊ดพริกเกลือ มะขามเปรี้ยวแซบรสบ๊วยขายดีที่สุด และฝรั่งหยี นอกจากนี้ ยังวางแผนที่จะผลิตสินค้าใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้าในเร็วๆ นี้
ด้าน สุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น บอกว่า ปกติ เซเว่น อีเลฟเว่น มีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนสินค้าจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอยู่แล้ว โดยเปิดช่องช่องทางการจำหน่ายสินค้ามาโดยตลอด ปัจจุบันมีสินค้าเอสเอ็มอี แบ่งเป็นในร้านสาขาประมาณ 300 รายการ และจำหน่ายผ่าน 7 แค็ตตาล็อกอีกราว 500 รายการ อย่างกรณีของบ้านมะขามหวานนั้นได้มาตรฐานมากมายที่สำคัญมีการร่วมกันพัฒนาด้านนวัตกรรมใหม่ตลอดเวลา
ผลิตภันฑ์ "บานมะขามหวาน" นับเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของผลิตภัณฑ์ชุมชนที่สามารถพัฒนาขึ้นเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี และสามารถขยายตลาดอย่างก้าวกระโดดจนเป็นที่ยอมรับของตลาดทั้งในและต่างประเทศในวันนี้
ขั้นตอนจะนำสินค้าขายในเซเว่น อีเลฟเว่น
สำหรับผู้ที่สนใจจะนำสินค้าเอสเอ็มอีวางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น มีดังนี้
1.สินค้าต้องมีคุณภาพ อาทิ ต้องได้มาตรฐานจีเอ็มพี ถ้าเป็นอาหารต้องผ่าน อย.
2.เป็นสินค้าที่ได้รับการยอมรับของตลาด
3.ต้องไม่มีสิ่งเจือปนที่อันตรายต่อร่างกาย อาทิ สารบางชนิด
4.ราคาต้องไม่สูงจนเกินไป
5.ต้องมีการบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย
หากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสนใจสามารถติดต่อได้ผ่านสำนักงานจัดซื้อ โทร.0-2677-9000 หรือทางเว็บไซต์ www.cpall.co.th หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้ว หากเป็นสินค้าที่สนใจ เจ้าหน้าที่จะตอบรับหรืออาจแนะนำในบางอย่างในลักษณะร่วมมือด้วยกัน เป็นต้น
"ดลมนัส กาเจ"