ไลฟ์สไตล์

ระวังกล้ายางตาสอยคืนชีพ

ระวังกล้ายางตาสอยคืนชีพ

09 มี.ค. 2554

ตอนนี้พรรคพวกที่อยู่ทางภาคใต้หลายจังหวัด บอกว่า มีนักเก็งกำไรปั่นราคาต้นกล้ายางตาเขียว ทำให้ราคาจากเดิมต้นละ 18 บาท ขึ้นมา 20-22 บาท ที่เลวร้ายไปกว่านั้น บางแห่งราคาสูงถึงต้นละ 32 บาท บางคนที่ไม่รู้จักกันส่งอีเมลมาถามที่ "คม ชัด ลึก" ว่า อยู่หาดใหญ่ จ.สงข

  ที่เขาถามมา ไม่ใช่เพราะแพงนะครับ เรื่องแพงไม่ต้องพูดถึง แพงตั้งแต่ปีที่แล้วโน้น แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า หาซื้อไม่ได้ เดินสายไปตามที่ผู้ประกอบการเพาะกล้ายางขายที่ได้รับการรับรองจากกรมวิชาการเกษตร ได้รับคำตอบว่า "มีคนจองหมดแล้ว"

 ภาคใต้นั้น ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยใช้กล้ายางเพาะชำถุงเหมือนกับภาคอีสานหรือภาคเหนือไปปลูก แต่ซื้อกล้ายางที่ติดตาแล้ว หรือยางตาเขียวที่แตกใบ 1 ฉัตร ถอนขึ้นมา ตกแต่งรากเพียงเล็กน้อย สามารถนำไปปลูกในสวนได้เลย ปลูกเสร็จฝนตก 1-2 ครั้ง ต้นยางก็ไม่ตายแล้ว ทำให้ต้นทุนถูกกว่ากันเยอะ

 ต้นกล้ายางตาเขียวปกติราคาไม่ถึง 20 บาทครับ แต่ถ้าเป็นกล้ายางพาราเพาะชำถุงราคาจะสูงกว่าเท่าตัว เพราะต้องจ้างคนถอน ตัดแต่งราก ตัดยอดเดิม แล้วต้องซื้อถุงดำมาใส่ดิน มาปลูกและไปอนุบาลในโรงเรือน หรือในเนิร์สเซอรี่อีกเป็นเดือนจนกว่าจะแตกใบ 2 ฉัตร ราคาจึงแพงขึ้น 50-80 บาท

 ปัญหาขาดแคลนกล้ายางตาเขียว ทราบมาว่ามียอดสั่งจากนายหน้า และนายหน้าที่ว่านี้มีการมัดจำล่วงหน้าทั่วภาคใต้ต้นละ 2 บาท สั่งจองตั้งแต่ 1-3 แสนต้น จากปกติเดิมทีจะมีการสั่งจองเต็มที่อยู่ที่หลักหมื่นต้น แต่นี่หลักแสนต้น และสัญญาว่าจะถอนในช่วงเดือนเมษายน 2554

 การสั่งจำนวนมากน่าเป็นห่วงครับ ผู้ประกอบการที่ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพไม่มีปัญหา แต่บางคนเห็นแก่เงินแต่มีตาจากพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไม่เพียงพออาจอาจขุดวิชามาร ด้วยการแทรกยางตาสอย เพราะอย่าลืมว่า เดิมทีกล้ายางตาเขียวต้นละ 18 บาท ก็มีกำไรอยู่แล้ว เพิ่มมาอีก 5 บาท เป็น 22 บาท หาก 1 แสนต้นได้กินฟรีๆ ที่เป็นส่วนต่างจากเดิมถึง 5 แสนบาท ถ้า 3 แสนต้นได้เหนาะๆ 1.5 ล้านบาท

 ที่พูดมานี้ใช่ว่าจะไร้ข้อมูลครับ เรื่องกล้ายางตาสอยเกิดขึ้นมาแล้วบางส่วนในปี 2547 เมื่อครั้งที่รัฐบาลดำเนินโครงการขยายพื้นที่ปลูกยางพารา 1 ล้านไร่ ในพื้นที่ 36 จังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน

 ที่มีนายหน้ากว้านซื้อกล้ายางตาเขียวขณะนี้ อย่าลืมว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากความต้องการที่ปลูกยางพาราของเกษตรกร อีกส่วนที่ทราบมาว่า ทางสำนักงานกองทุนการทำสวนยาง (สกย.) กำลังพิจารณาในการจัดหาซื้อกล้ายางคุณภาพให้เกษตรที่ปลูกในโครงการส่งเสริมการปลูกยางพาราในพื้นที่ใหม่ระยะ 3 ในเป้าหมาย 8 แสนไร่ และจะเริ่มดำเนินการในฤดูการเพาะปลูกปี 2554-2556 นี้ ด้วยวิธีการประมูล

 เนื่องเพราะการจัดหาด้วยวิธีประมูลควบคุมและตรวจสอบง่าย มีราคาแน่นอน เกษตรกรจะไม่ถูกหลอก หรือถูกโก่งราคา กลุ่มนายหน้าเหล่านี้อาจได้รับติดต่อ เพื่อส่งให้แก่บริษัทผู้ชนะประมูลในอนาคตอันใกล้นี้

 ต้องระวังครับ หากเรื่องเกิดพลิกขึ้นมา การประมูลไม่เกิดขึ้น นายหน้าไม่มารับซื้อตามที่จอง แล้ว กล้ายางตาเขียวจะขายให้ใคร สิ่งที่ตามราคาจะดิ่งลงทันทีครับ

"ดลมนัส กาเจ"