ไลฟ์สไตล์

“ไซ่ง่อน” ยังซ่อนความงาม
"กาญจนา หงษ์ทอง"

“ไซ่ง่อน” ยังซ่อนความงาม "กาญจนา หงษ์ทอง"

11 เม.ย. 2552

โฮจิมินห์สวยที่สุดตอนถูกอาบด้วยแสงนีออน!!!

  เพราะเชื่อขี้ปากชาวบ้าน  พอลับตาเจ้าแห่งวัน แทนที่จะผลุบเข้าไปหมกตัวอยู่ในเรือนพัก  ฉันจึงเคลื่อนกายออกมาเดินเพ่นพ่านอยู่ใจกลางนครแห่งความอลหม่าน

 13 ปีผ่านไป ดูเหมือนประชากรมอเตอร์ไซค์ยังคงล้นถนนเมื่อคะเนด้วยตาเปล่า ราวกับว่า มอเตอร์ไซค์ที่เคยเจอกันเมื่อ 13 ปีก่อนได้คลอดลูกหลานออกมาอีกหลายเจนเนอเรชั่น

 “รัฐบาลของเรากำลังเร่งสร้างรถไฟฟ้า ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ...” แฮนซั่น หนุ่มเวียดนามผู้ยังไม่ประสงค์จะแสดงจุดยืนทางเพศกับคนแปลกหน้า  ตวัดหางเสียงสุดแมนบอกกับฉัน แต่ลืมไปว่าตอนชี้ให้ดูโครงการก่อสร้าง กรีดนิ้วซะจนไม่เหลืออะไรให้เดา

 เป็นปรากฏการณ์ที่แค่จินตนาการก็ชิงสนุกซะแล้ว  ฉันอยากมาเห็นวันที่โฮจิมินห์มีรถไฟฟ้าวิ่ง  อยากเห็นชาติที่ผูกพันกับมอเตอร์ไซค์เท่ากับญาติสนิท ถ้าจู่ๆ วันหนึ่งมีรถไฟฟ้าเข้ามาเป็นสิ่งแปลกใหม่ในชีวิต  แล้ววิถีชีวิตของพวกเขาจะเปลี่ยนโฉมไปอย่างไร

 เพราะสำหรับคนเวียดนาม มอเตอร์ไซค์ไม่ได้มีค่าเป็นแค่พาหนะที่ใช้สัญจรไปมา  หากแต่มอเตอร์ไซค์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ที่เปรียบเสมือนเป็นอวัยวะชิ้นที่ 33 ของชาวเวียดนามเลยก็ว่าได้ แต่ พ.ศ. นี้มีชิ้นที่ 34 งอกมาอีกอย่าง คือหมวกกันน็อก

 กฎเป็นกฎ  เวียดนามออกกฎหมายให้คนใส่หมวกกันน็อก ต้องใส่ทั้งคนขี่และคนซ้อน สองล้อจะไม่ยอมหมุน ถ้าบนหัวปราศจากสิ่งไม่มีชีวิตที่เรียกว่าหมวกกันน็อก จะไม่มีการยกเว้นเพราะแค่ขี่ในซอย หรือเพราะย่านนั้นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อะลุ้มอะล่วย เหมือนบ้านเรา เพราะค่าปรับแพงขนาดกินเฝอได้หลายชาม

 ช่วงที่เวียดนามประกาศกฎคุมเข้มเรื่องหมวกกันน็อก  มีร้านขายหมวกกันน็อกอยู่ทุกเสาไฟฟ้า เรียกว่าในช่วงระยะ 100 เมตร  เผลอๆ จะมีกันนับสิบร้าน  ไม่ว่าอดีตจะเป็นร้านโชห่วย ร้านถ่ายรูป  ร้านขายวัสดุก่อสร้าง ไปยันร้านขายเฝอ ก็ต้องมีหมวกกันน็อกเป็นสินค้าน้องใหม่ประดับร้านกันทั้งสิ้น  ร้านรวงที่ไม่เคยขายอะไรเกี่ยวกับหมวกกันน็อก ก็พยายามสรรหาโปรโมชั่นมาดึงดูด  เป็นต้นว่าซื้อเครื่องเสียงแถมหมวกกันน็อก อะไรแบบนั้น

 ผูกพันกันเหมือนคนในครอบครัวขนาดนี้ จะเป็นไปได้มั้ยว่า เมื่อวันที่รถไฟฟ้าแล่นโฉบมาใกล้บ้าน พวกเขาจะสลัดสองล้อคู่ใจทิ้งแล้วหันมาก้าวขึ้นรถไฟฟ้ารึเปล่า 

 สำหรับเมืองที่มอเตอร์ไซค์ดีที่สุดในโลก และมีประชากรมอเตอร์ไซค์เยอะที่สุดในโลกไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคัน  และอีก 10 ปีข้างหน้าที่ประชากรของเวียดนามคาดว่าจะทะลุ 100 ล้านคน ตัวเลขประชากรมอเตอร์ไซค์ถูกคะเนว่าอาจจะขึ้นมาเป็น 50 ล้านคัน จึงเป็นเรื่องที่น่าตีตั๋วเรือบินมาดูมั้ยล่ะ  

 บางทียอดขายมอเตอร์ไซค์อาจจะตก หรือบางทีจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าอาจจะต่ำกว่าเป้า  ล้วนเป็นเรื่องของอนาคตที่รอการวัดใจชาวโฮจิมินห์

 แต่มืดค่ำที่มีแค่แสงนีออนสาดส่องผิวถนน  ฉันกำลังเก้ๆ กังๆ อยู่ที่แยกวัดใจ ยืนวัดใจตัวเองและวัดใจบรรดาชาวเวียดนามที่ประคองร่างอยู่บนสองล้อ  ว่าใครจะถอย ใครจะพุ่ง

 การข้ามถนนในโฮจิมินห์  จึงถือเป็นการผจญภัยอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้เลือดลมของคุณสูบฉีดและพุ่งพล่านไม่ต่างจากการเล่นรถไฟเหาะตีลังกา  ยามที่ต้องผลักตัวเองเข้าไปขวางมอเตอร์ไซค์ ทีละคัน ทีละคัน แล้วหยุดรอจังหวะ เพื่อพุ่งเข้าขวางคันถัดไป 

 “ผมเฉยๆ นะ แต่คนที่มาเที่ยวมักจะบอกว่า นี่แหละเสน่ห์ของเวียดนาม....” แฮนซั่นจีบปากบอกอย่างเผลอตัว

  เป็นการเข้าถึงเสน่ห์ ที่ควรทำประกันชีวิตไว้ให้เรียบร้อยก่อน เพราะมอเตอร์ไซค์บนท้องถนนไม่ได้มีแค่คันสองคัน แต่ซิ่งกันมาเป็นแพ เหมือนผึ้งฝูงใหญ่ที่บินฮือมาพร้อมๆ กัน  

 ข้ามจากแยกวัดใจไปหาลุงโฮที่นั่งรออยู่ที่เดิมทุกเมื่อเชื่อวัน ศาลากลางประจำเมืองแทบไม่ต้องว่าจ้างหน่วยรักษาความปลอดภัย  เพราะลุงโฮนั่งสิงสถิตอยู่ด้านหน้า คอยมอนิเตอร์ทุกความเคลื่อนไหวที่ผ่านไปมา ลุงโฮเป็นนายแบบที่นั่งโพสท่าเดิมอย่างไม่เคยปริปากบ่น  แม้ทุกคนที่เหยียบย่างสู่โฮจิมินห์จะจับลุงโฮเข้าเฟรมแล้วลั่นชัตเตอร์ใส่มานับครั้งไม่ถ้วน

 ราตรีที่แม่น้ำไซ่ง่อนถูกโรยไว้ด้วยแสงระยิบบนริ้วน้ำ  แม้แต่โบสถ์นอร์ทเทรอดามอันสง่างามตามแบบฝรั่งเศสที่ว่าเจ้าเสน่ห์นักหนา  ก็ไม่อาจเหนี่ยวฉันให้ไปยืนที่นั่นได้ เพราะอยากล่องเรือไปตามลำน้ำ ดื่มกินบรรยากาศอันแสนโรแมนซ์ที่โฮจิมินห์ยัดเยียดให้

 อาหารถูกปาก บรรยากาศถูกใจ  ปรุงแต่งให้คนที่ลงมาล่องเรือเป็นคู่ดูหน้าอิ่มเอมกว่าคนมาเป็นหมู่คณะ

 เมื่อท้องไส้บรรจุอาหารเวียดนามไว้จนแทบไม่มีที่ว่าง  ไม่มีอะไรดีกว่าการไปเดินย่อยอาหารที่ไนท์ มาร์เก็ต แถวตลาดเบนทันห์  ฉันจึงให้แฮนซั่นพาไปปล่อยไว้แถวนั้น

 ตลาดเบนทันห์อาจมโหฬารเท่าจตุจักร  แต่ก็มีอานุภาพพอจะทำให้คนเดินเมื่อยน่องได้ไม่น้อย ที่นี่มีทุกสิ่งให้เลือกสรรตั้งแต่ผัก ผลไม้ ดอกไม้สด  หมวกเวียดนาม ชุดอ๋าวหย่าย ไปจนถึงผ้าแพรชิ้นงาม หัตถกรรมพื้นบ้าน  ของแต่งบ้านแบบร่วมสมัยไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า

 สำหรับคนที่ท้องไส้ยังว่างโหวง  ไนท์ มาร์เก็ตคงช่วยทำให้เหลือพื้นที่น้อยลง เพราะอุดมไปด้วยอาหารการกินสารพัดชนิด สมกับเป็นตลาดโต้รุ่ง ข้างๆ เป็นแผงขายเสื้อผ้า รองเท้า ที่ใครอิ่มแล้วอยากระบายสภาพคล่อง ก็มีที่ทางไว้ให้จับจ่าย

 ในวันรุ่งขึ้น แฮนซั่นหอบฉันไปดูโฮจิมินห์อีกมุมหนึ่ง  มุมที่คนเวียดนามรุ่นนี้มีไว้อวดภูมิปัญญาและความปราดเปรื่องของคนรุ่นเก่า  ที่นั่นคืออุโมงค์ขูจี  ผลงานชิ้นมาสเตอร์พีซของชาวเวียดกงที่คิดค้นขุดขึ้นเพื่อใช้เป็นอาวุธในการต่อสู้ในสงครามอเมริกัน

 กับดักสารพัดรูปแบบฉายภาพให้เห็นถึงความฉลาดหลักแหลมของชาวเวียดนามในสมัยก่อน  อุโมงค์พรางตัวที่ขุดไว้ขนาดพอดีตัว  ช่องสี่เหลี่ยมเล็กเท่าฝากระดานที่เป็นทางเข้า  ตอกย้ำให้เห็นว่า ประชากรชาวเวียดนามหุ่นผอมเพรียวมาแต่ไหนแต่ไร  กว่า 8 หมื่นชีวิตที่กินนอนอยู่ในอุโมงค์แห่งขูจีล้วนแต่เป็นผู้ที่ไม่อนุญาตให้ไขมันอยู่ด้วย  ไม่อย่างนั้นคงผลุบเข้าออกในหลุมหลบภัยนี้ไม่ได้ 

  ไม่ว่ายามนั้นใครจะรู้สึกอย่างไรกับชาวเวียดนาม  แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อได้เห็นอุโมงค์ขูจี ก็จะจากไปด้วยความรู้สึกทึ่งในความหลักแหลมของชาวเวียดนาม  

 บางมุมของเมืองลุงโฮเปลี่ยนไป หลายอย่างยังเหนียวแน่นราวกับว่าโมงยามทำอะไรเมืองลุงโฮไม่ได้เลย  ส่วนฉันสารภาพว่า ไม่ว่าใบหน้าของโฮจิมินห์จะถูกศัลยกรรมให้เปลี่ยนไปอย่างไร  เมืองไซ่ง่อนก็ยังซ่อนความงามเหมือนเคย ที่มากกว่าเดิม  คงเป็นอาการหลงรักเฝอ 

ข้อมูล
เดินทางสู่โฮจิมินห์ด้วยสายการบินแอร์ฟรานซ์  บินตรงจากกรุงเทพฯ ไปกลับโฮจิมินห์ทุกวัน คลิกดูรายละเอียดได้ที่ www.airfrance.co.th  หรือโทร. 001-800-441-0771   หรือสอบถามรายละเอียดการเดินทางกับบริษัท โกลบอล ยูเนี่ยน เอ็กซ์เพรส  โทร. 0-2308-2104 หรือ 0-2308-2106