
"กฤษณาชาไทย" สกัดจากไม้หอม ผลิตภัณฑ์เอาใจคนรักสุขภาพ
ย้อนกลับก่อนหน้านี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากระแส ชาเขียว ได้กระตุ้นให้ตลาดเครื่องดื่มประเภท ชา ทุกชนิดได้รับความสนใจจากตลาดผู้บริโภคเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนรักสุขภาพจึงไม่แปลกหากในท้องตลาดจะเต็มไปด้วยสินค้าประเภทชาทั้งชนิดผง ชนิดชง รวมไปถึงชนิดพร้อมดื่ม
แต่เมื่อกระแสเริ่มแผ่วลงจึงหลงเหลือเครื่องดื่มประเภทชาปรากฏอยู่ในท้องตลาดไม่กี่ยี่ห้อ แต่ใช่ว่าสินค้าของผู้ผลิตเจ้าเล็กจะเลือนหายไปกับกระแสความนิยม เช่น “กฤษณาไทย” จาก “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปไม้กฤษณาไทยรุ่งการเกษตร-ศรีวิชัย (สะเดา)” ตั้งอยู่ที่ 156 หมู่ 3 ต.ท่าโพธิ์ อ.สะเดา จ.สงขลา ยังคงมีลูกค้าคิวรอซื้อหาอย่างยาวเหยียด
สมพร คงภักดี หนุ่มใหญ่แกนนำกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปไม้กฤษณาไทยรุ่งการเกษตร-ศรีวิชัย(สะเดา) เปิดเผยว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากระแสการบริโภคชาเขียวในสังคมไทยได้รับความนิยมมาก จึงเกิดความสนใจและศึกษาการตลาดเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยนำสูตรที่เป็นมรดกตกทอดของครอบครัวออกมาสู่ขั้นตอนการผลิตชากฤษณาเพื่อบริโภค กอปรกับมีการทำวิจัยกระบวนการผลิตที่สามารถแยกสาร (ความขม) ออกจากไม้กฤษณาได้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ที่สนับสนุนผู้ประกอบการทั้งด้านการตลาด การวิจัย การตรวจสอบ ดูแลและบริหารจัดการ รวมถึงทำการบรรจุภัณฑ์สินค้าที่นั่นไปในตัว
ไม้กฤษณานอกจากน้ำมันหอมระเหยที่ได้ซึ่งเป็นกลิ่นอโรมาซึ่งช่วยทำให้เกิดการผ่อนคลาย อันเป็นจุดเด่นที่ทำให้ไม้กฤษณาได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติซึ่งนิยมนำไปเป็นส่วนประกอบของหัวน้ำหอมแล้ว จุดเด่นอีกประการคือมีสรรพคุณในการช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ลดสารยูริก น้ำตาลในเส้นเลือด ไขมันอดุตัน ล้างพิษภายใน และลดคลอเรสเตอรอล
ทั้งนี้ กระบวนการผลิตนับเป็นนวตกรรมที่ทันสมัยโดยใช้ระบบ Bio Technology หรือระบบอินทรีย์ชีวภาพ เป็นกระบวนการสกัดและแยกสารส่วนเกินออกจากใบไม้หอมกฤษณา ซึ่งทุกขั้นตอนการผลิตปราศจากสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้อง ตั้งแต่เริ่มต้นถึงขั้นสุดท้ายคือการเป็นชาหอมที่ส่งตรงถึงมือผู้บริโภค
เจ้าของผลิตภัณฑ์กฤษณาชาไทยแนะนำวิธีชงชาหอมกฤษณา ว่าใส่ใบชา 1 หยิบมือ (20 มิลลิกรัมต่อวัน) ชงหรือต้มกับน้ำร้อน (100 องศาเซลเซียส) ต่อน้ำปริมาณ 500-600 ซีซี ปิดฝากา หรือแก้วทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที ก่อนดื่มควรสูดกลิ่นอายของชาหอมจะได้สัมผัสกลิ่นหอมลึกซึ้งของไม้กฤษณาและช่วยคลายเครียดและอาการภูมิแพ้อากาศเป็นอย่างดี ควรดื่มขณะที่ชายังอุ่นและเติมน้ำร้อนได้เรื่อยๆ จนสีของชาจาง จึงเปลี่ยนทิ้ง ทั้งนี้ ควรดื่มในช่วงเช้าเพื่อช่วยให้ร่างกายสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า
“สินค้าขายดีมากโดยตลาดส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนทำงาน เช่น ข้าราชการ เจ้าหน้าที่พยาบาล หนุ่มสาวคนทำงานรวมไปถึงกลุ่มผู้สูงวัย ทั้งนี้ มีฐานลูกค้ากระจายอยู่ทั่วประเทศ” สมพร กล่าว
“กฤษณาชาไทย” ที่ผลิตโดยวิสาหกิจแปรรูปไม้กฤษณาไทยรุ่งการเกษตร-ศรีวิชัย (สะเดา) มีราคาจำหน่ายห่อละ 250 บาท หากใครสนใจทางเลือกใหม่ในการดื่มชาเพื่อสุขภาพสามารถติดต่อและสอบถามข้อมูลได้ที่ 08-7948-3102 หรือ 0-7454-1445 พร้อมยินดีจัดส่งและให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง
"สุพิชฌาย์ รัตนะ"