ไฟแยงตา | คมชัดลึก

 ก่อนอื่นมาความเข้าใจเรื่องหลอดไฟ ง่ายๆ คือ โคมไฟใหญ่มีชนิดหลอดไฟที่นิยมกันคือ ฮาโลเจน  เทียบได้กับหลอดไฟกลม ต่อไฟฟ้าเข้าไปได้โดยตรงเลย และหลอดชไฟซีนอน (XENON HID) จะคล้ายกับหลอดนีออนหรือหลอดตะเกียบชนิดไม่มีไส้ ระบบคือต้องมีตัวแปลงไฟหรือบัลลาสต์ใช้ในการใช้งานคู่กัน (ปัจจุบันไฟซีนอนใช้ติดตั้งเฉพาะไฟต่ำเท่านั้น ส่วนไฟสูงส่วนใหญ่เป็นไฟฮาโลเจน)

 จริงๆ ซีนอนถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ไม่นานมานี้ที่จะช่วยให้เกิดความปลอดภัยในยามค่ำคืน ถือเป็นอุปกรณ์ในส่วนที่เรียกว่าแอ็กทีฟเซฟตี้ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์สำหรับคนขับขี่ เห็นได้จากรถยนต์ หรูหราราคาแพงต่างก็เลือกใช้ไฟชนิดนี้กัน การที่บางคนมองว่าไฟซีนอนสว่างมากเกินไปแต่มันอยู่ที่การติดตั้งและชนิดของไฟ รุ่นที่ไม่ได้มาตรฐานทำให้แยงสายตารถคันอื่น โดยเว็บไซต์ www.xenonclub.co.th มีความรู้เรื่องไฟซีนอนไว้ว่า การพัฒนาระบบไฟซีนอน (XENON HID) ให้มีแผ่นรองกั้นแสง (Filter) เพื่อไม่ให้แสงซีนอน (XENON) ตกกระทบบริเวณ Reflex ภายในโคมด้านล่าง ซึ่งมีผลทำให้แสงซีนอนสะท้อนออกไปอย่างเป็นระเบียบไม่ฟุ้งกระจาย ไฟซีนอน (XENON HID) ในชนิดขั้ว H4 Lo/Hi จึงหมดปัญหาในเรื่องแสงไฟซีนอนแยงตา ปัญหาของไฟคือเอาชนิดแยงตามาติดแถมไม่ยอมปรับตำแหน่งการติดตั้ง เอาหลอดซีนอนไปใส่โคมที่ไม่ใช่ของมัน แล้วปล่อยไว้แบบนั้นไม่สนใจ คิดว่าถนนของกูคนเดียว เรื่องความรับผิดชอบต่อเพื่อนร่วมทางนักขับ บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าเวลาขับรถไฟหลักที่ใช้คือไฟต่ำ แม้ว่าจะเป็นเลนสวนทางแบบกว้าง 8 หรือ 10 เลนก็ตาม 

  บ้านเราเรื่องไฟมีปัญหามากมาย เช่น ไฟเทค (ไฟกะพริบเวลาแบก ไฟหลากสี) ซึ่งมักจะเห็นได้ในรถที่คิดว่าเจ้าเส้นทาง (ไม่รู้ใครไปตั้ง) เพราะรถพวกนี้ใช้ถนนทำมาหากินประจำ เช่น รถตู้รถ แท็กซี่ แต่นิยมดัดแปลงสีไฟ ดัดแปลงรถกัน) ทั้งที่รถซึ่งให้บริการสาธารณะควรจะอยู่ในสภาพมาตรฐานโรงงาน

  นอกจากนี้ยังมีปัญหาในกลุ่มรถที่เลียนแบบรถแข่งขัน แต่ไม่ใช่พวกแข่งรถ รถพวกนี้ก็ทำความแปดเปื้อนให้วงการแข่งรถตัวจริงเขาภาพเสียไป

 เรื่องไฟตัดหมอกก็เหมือนกัน ใช้กันมั่ว ไม่มีหมอกก็เปิดสาดกันเข้า ผมเข้าใจว่าหลายคนไม่รู้มีกี่ดวงเปิดหมด นี่เป็นเรื่องที่คนเกี่ยวข้องต้องบอกกัน รวมถึงคนทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมายด้วย บางทีตำรวจก็ไม่รู้ ทำเสียเอง

 การขับรถที่เป็นเหตุก่อให้เกิดอันตรายต่อคนอื่น สุดท้ายมันก็กลับมาเป็นอันตรายต่อตัวเราเอง ดังนั้นควรศึกษาก่อนขับครับ