ไลฟ์สไตล์

สิ้นหลวงหนุ่ยเจ้าพิธีปลุกเสกจตุคามฯ

สิ้นหลวงหนุ่ยเจ้าพิธีปลุกเสกจตุคามฯ

05 ม.ค. 2554

"หลวงหนุ่ย" เจ้าพิธีปลุกเสก "จตุคามรามเทพ" เงินล้านสิ้นลมแล้ว เมื่อบ่ายวันที่ 3 ม.ค. หลังสึกจากพระเกือบ 1 ปี เพื่อรักษาโรคฝีในปอด เผยยุคจตุคามฯ โด่งดัง รับนิมนต์เข้าพิธีปลุกเสกนับพันรุ่นทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ จนมีเงิน 5-6 ล้านบาท ศพตั้งบำเบ็ญกุศล ณ วัดคอ

หลายปีที่ผ่านมากระแสการบูชาองค์ท้าวจตุคามรามเทพ โด่งดังสุดขีดทั่วประเทศ ทำให้ช่วงดังกล่าวมีทั้งวัด รวมถึงบุคคลต่างๆ จัดสร้างองค์ท้าวจตุคามรามเทพออกมากันเป็นจำนวนมาก เพื่อให้ผู้คนนำไปบูชากราบไหว้ โดยในการจัดสร้างนั้น หลวงหนุ่ย หรือพระครูสังฆรักษ์ปรานพ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหงษ์ประดิษฐาราม (วัดคอหงส์) ในสมัยนั้น เป็นอีกหนึ่งในเกจิผู้ปลุกเสก หรือเจ้าพิธีองค์ท้าวจตุคาม รามเทพ 

 ล่าสุด หลวงหนุ่ย หรืออดีตพระครูสังฆรักษ์ปรานพ หรือนายปรานพ เดชแก้วภักดี อายุ 54 ปี เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.วันที่ 3 มกราคม หลังจากลาสิกขาออกมาเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2553 และเข้ารับการรักษาตัวด้วยโรคฝีในปอด (วัณโรค) โดยขณะนี้ศพหลวงหนุ่ยตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่ศาลาบัวขวัญ วัดหงษ์ประดิษฐาราม หรือวัดคอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 4 มกราคม ได้จัดพิธีรดน้ำศพ และจะมีพิธีฌาปนกิจในวันที่ 9 มกราคม เวลา 14.00 น. ณ เมรุ วัดหงษ์ประดิษฐาราม

 นายนิธิศ เดชแก้วภักดี น้องชายของหลวงหนุ่ย บุตรคนที่ 6 ของครอบครัว "เดชแก้วภักดี" เปิดเผยว่า พี่ชายสึกจากพระเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2553 หลังจากมีอาการป่วยด้วยโรคฝีในปอด (วัณโรค) โดยช่วงที่ยังเป็นพระอยู่เมื่อประมาณปี 2551 ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลธนบุรี กรุงเทพฯ รักษาตัวอยู่ประมาณ 1 ปี จากนั้นออกมารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลศิริราช ในปี 2552 โดยรักษาอยู่ไม่กี่เดือนก็กลับมาพักฟื้นร่างกายที่บ้านเกิดใน อ.หาดใหญ่

 "หลวงหนุ่ย เสียชีวิตอย่างสงบเมื่อประมาณบ่าย 3 โมงของวันที่ 3 มกราคม 2554 เป็นพี่ชายคนโตจากพี่น้องทั้งหมด 8 คน เป็นบุตรของคุณพ่อประสิทธิ์ เดชแก้วภักดี และคุณแม่บุญภพ เดชแก้วภักดี ซึ่งทั้งสองท่านเสียชีวิตไปนานแล้ว สำหรับพี่ชายบวชเป็นพระเมื่อปี 2528 อยู่ในเพศบรรพชิตมา 24 พรรษา และในช่วงที่กระแสท้าวจตุคามรามเทพกำลังโด่งดัง พี่ชายถูกยกให้เป็นผู้ปลุกเสกเจ้าพิธีหลายรุ่น เบื้องต้นคาดว่าไม่ต่ำกว่า 1 พันรุ่นทั่วประเทศที่ผู้จัดสร้างได้เชิญมาเป็นเจ้าพิธีปลุกเสกให้ ยังไม่รวมถึงการเดินทางไปต่างประเทศที่ผู้จัดสร้างนิมนต์ไปให้เป็นเจ้าพิธีปลุกเสก ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฝรั่งเศส เป็นต้น"

 นายนิธิศ กล่าวว่า หลังจากพี่ชายเสียชีวิต ก็ยังไม่ได้บอกใครมากนัก มีบ้างที่แจ้งให้คนรู้จัก ลูกศิษย์ของพี่ชายบางคน การ์ดเชิญงานศพก็ไม่ได้จัดพิมพ์ อาศัยเพียงแค่บอกกันปากต่อปาก ขณะเดียวกันหนังสือประวัติของพี่ชาย ก็ไม่ได้จัดทำขึ้นแต่อย่างใด เนื่องจากไม่พร้อมในหลายๆ ด้าน ทั้งที่จริงแล้วก็คิดอยากจะจัดทำขึ้นมาเช่นกัน

 "ก่อนที่พี่ชายจะเสียชีวิตก็ไม่ได้สั่งเสียอะไร แกจากไปด้วยความสงบ การจัดงานศพก็จัดกันตามอัตภาพไม่เอิกเกริกมากนัก แต่ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าจะมีญาติโยมลูกศิษย์ลูกหาเดินทางมาร่วมงานมากน้อยขนาดไหน" นายนิธิศ กล่าว

 สำหรับประวัติหลวงหนุ่ย เป็นคนหาดใหญ่ จบการศึกษาจากโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย (ญว.) หาดใหญ่ หลังจากเรียนจบก็ทำงานบริษัท มหาชัยขนส่ง จำกัด ก่อนจะลาออกไปทำสวนกุหลาบ โดยทำได้สักระยะหนึ่งก็ต้องลาออกอีกครั้ง เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ อันเกิดจากการแพ้สารเคมีที่ใช้พ่นในสวนกุหลาบ

 ระหว่างนั้นก็มีเพื่อนเจ้าของเขียงหมู ในอ.หาดใหญ่ เสียชีวิต ทางพ่อแม่ของเพื่อนบ่นว่าเสียใจที่ลูกชายคนเดียวยังไม่ได้บวชให้ หลวงหนุ่ยจึงอาสาบวชให้ และไปจำวัดที่วัดคอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ระหว่างนั้นก็มีกระแสจาตุคามรามเทพ เกิดขึ้น

 หลวงหนุ่ย ที่มีความสนใจเรื่องนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงเข้าพิธีครอบครูจากพระอาจารย์ดังในภาคใต้ เพื่อเป็นเจ้าพิธีปลุกเสก "จตุคามรามเทพ" และเข้าร่วมพิธีปลุกเสกจตุคามรามเทพ รุ่นแรก ทำให้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแพร่หลาย ส่งผลให้ชื่อ "หลวงหนุ่ย" ในฐานะเจ้าพิธีปลุกเสกได้รับการติดต่อจากคณะผู้จัดสร้าง "จตุคามรามเทพ" รุ่นต่างๆ จำนวนมาก แทบไม่มีวันหยุด ทำให้หลวงหนุ่ยมีรายได้จากการเป็นเจ้าพิธีครั้งละ 2-3 แสนบาท โดยแต่ละวันจะรับงานหลายแห่ง ถือเป็นยุคเฟื่องฟูของหลวงหนุ่ย จนไม่มีเวลาพักผ่อน

 เงินที่หลวงหนุ่ยได้มาจำนวนมาก ได้บริจาคให้สังคม ทั้งองค์กรและบุคคลทั่วไป ครั้งละหมื่นถึง 1 แสนบาท ทำให้ระยะสุดท้ายหลวงหนุ่ยมีเงินก่อนลาสิกขาบทประมาณ 5-6 ล้านบาท เพื่อมารักษาตัว และด้วยที่ตรากตรำและเดินสายปลุกเสก "จตุคาม" ส่งผลให้มีปัญหาสุขภาพตามมา และทรุดหนัก เนื่องจากการพักผ่อนน้อย จากเดิมที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว กระทั่งกระแสจตุคามรามเทพเริ่มลดลง หลวงหนุ่ยจึงตัดสินใจลาสิกขาเพื่อรักษาตัว จนเงินที่มีอยู่ไม่มีเหลือ กระทั่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2554