
พระราชวังพญาไท
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมาได้มีการจัดงานที่ชื่อว่า 1 ศตวรรษ 5 รัชกาล พระราชวังพญาไท เนื่องในงานรำลึกครบรอบ 100 ปี พระราชวังพญาไท ซึ่งการจัดงานก็ผ่านไปได้ด้วยความยิ่งใหญ่และหลากหลายในการแสดง โดยส่วนตัวผมร่วมแสดงในงานนี้ด้วย แต่ก่อนหน้านี้ประมาณ 4 ปีท
ถนนซางฮี้ เป็นถนนสายสั้นๆ จากริมแม่น้ำเจ้าพระยา และมาสุดที่หลังพระราชวังดุสิต ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานชื่อ ความหมายของคำว่าซางฮี้นั้น เป็นภาษาจีนแปลว่ายินดีอย่างยิ่ง ต่อมาภายหลังได้พระราชทานชื่อใหม่เป็น ถนนราชวิถี และถ้าเป็นคนรุ่นเก่าหน่อยก็จะเรียกสะพานกรุงธนในปัจจุบันว่า สะพานซังฮี้ ซึ่งมาจากคำว่าซางฮี้ จุดเริ่มต้นของถนนราชวิถีนั่นเอง
ปลายถนนซางฮี้ในสมัยนั้นเป็นสวนผักและไร่นา มีคลองสามเสนตัดผ่าน มีพื้นที่โล่งกว้างและอากาศเย็นสบาย เป็นที่ต้องพระราชอัธยาศัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดให้ซื้อที่ดินจากชาวสวน ที่มีบริเวณพื้นที่ติดกับที่นาหลวงประมาณ 100 ไร่ และทรงโปรดให้สร้างเป็นที่ประทับพักผ่อนพระอิริยาบถ อีกทั้งยังได้ทดลองปลูกพืชและเลี้ยงไก่ มีโรงเรือนหลังแรกที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นคือ โรงนาและโรงพิธี ด้วยมีพระราชดำริให้ย้ายพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งเคยประกอบพิธีอยู่ที่ทุ่งพระสุเมรุหรือท้องสนามหลวง ให้มาจัดที่นาหลวงคลองพญาไทแห่งนี้
พระตำหนักพญาไทได้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2452 แต่มาทำพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลคฤหมงคลหรือขึ้นเรือนใหม่อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14-15 พฤษภาคม พ.ศ. 2453 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จมาประทับอยู่บ่อยครั้ง และเมื่อครั้งที่ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงพระประชวร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงวิตกและห่วงใย จึงได้รับสั่งให้มาประทับที่พระราชวังพญาไทเพื่อให้มีความสะดวกต่อการถวายการรักษาและทำให้พระประยูรญาติได้มีพระวโรกาสเข้าเฝ้าเยี่ยมพระอาการ และสมเด็จพระศรีพัชรินทราฯ ได้ทรงประทับอยู่ที่พระตำหนักพญาไทตลอดพระชนม์ชีพเป็นเวลาเกือบ 10 ปี และหลังจากที่พระองค์ท่านเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2462 แล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้มีพระราชดำริที่จะสร้างพระราชมณเฑียรขึ้นมาใหม่ เพื่อใช้สำหรับเป็นที่ประทับในวังพญาไทและทรงยกวังพญาไทให้เป็นพระราชวังพญาไทเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนกและพระบรมราชชนนี
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชปรารภเป็นการส่วนพระองค์กับ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงกำแพงเพชรอัครโยธิน ผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง ไว้ว่า พระราชวังพญาไทเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่โตต้องสิ้นเปลืองการบำรุงรักษา หากปรับปรุงเป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่แขกต่างชาติที่เข้ามาเยี่ยมเยือนประเทศสยาม ค่าบำรุงรักษาก็จะรวมอยู่ในงบของโรงแรมได้ แต่ยังมิได้ดำเนินการอย่างใดก็ทรงเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 และเมื่อ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้กรมรถไฟหลวงปรับปรุงพระราชวังพญาไทให้เป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง ที่หรูหรามากที่สุดในตะวันออกไกล ใช้ชื่อว่า Phayathai Palace Hotel หรือ โฮเต็ลพญาไท เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2468 แต่เมื่อได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ใน พ.ศ. 2475โฮเต็ลพญาไทประสบการขาดทุน ประกอบกับกระทรวงกลาโหมต้องการใช้สถานที่เป็นที่ตั้งกองเสนารักษ์ คณะรัฐมนตรีในขณะนั้น จึงได้ให้เลิกกิจการโฮเต็ลพญาไท
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2488 ได้มีการพัฒนากองเสนารักษ์มาเป็นโรงพยาบาลทหารบก วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2495 กองทัพบกจึงได้ขอพระราชทานนามโรงพยาบาลใหม่เป็น โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จนกระทั่งปี พ.ศ. 2512 จึงได้ย้ายโรงพยาบาลไปอยู่อาคารใหม่ในบริเวณใกล้เคียง และได้ใช้พระราชวังพญาไทเป็นที่ทำการกรมแพทย์ทหารบกถึง 20 ปีจนกระทั่งปี พ.ศ. 2532 จึงได้ย้ายไปอยู่อาคารแห่งใหม่ที่ถนนพญาไท เขตราชเทวี หลังจากนั้นพระราชวังพญาไทก็ได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ประชาชนได้เข้าชมจนกระทั่งทุกวันนี้ครับ
"ขุนอิน"



