
มรดกปากเปล่า
ภรรยาผมมีที่ดินซึ่งเป็นมรดกจากพ่อแม่อยู่แปลงหนึ่ง เนื้อที่ไม่มากมายอะไร แต่เป็นที่ดินฝังศพ พ่อแม่ของภรรยาผม เป็นการยกให้โดยไม่มีหลักฐานอะไร แต่ญาติพี่น้องรับรู้กันอยู่
ต่อมามีการทำ น.ส.3 ขึ้น ทางภรรยาผมได้ให้ทำรวมเป็นชื่อของพี่ชายของภรรยาผม ต่อมาพี่ชายภรรยาเสียชีวิตลง โดยไม่ได้แบ่งแยกที่ดินของภรรยาผมออกมา ภรรยาผมได้ให้หลานซึ่งมีสิทธิ์ในที่ดินผืนนี้แบ่งแยกที่ดินที่เป็นของภรรยาออกมา เพราะเกรงว่า หากภายภาคหน้า หลานเขาขายที่ดินผืนนี้ไป จะติดที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของภรรยาผม ซึ่งเป็นที่ดินที่ฝังศพของพ่อแม่ภรรยาผมไป
พยายามเจรจาหว่านล้อมจนเขาทำสัญญาซื้อขายให้ ณ ที่ทำการที่ดิน โดยมีผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าที่ดินลงลายมือชื่อเป็นพยาน แต่ยังไม่ได้โอน น.ส.3 กัน โดยเขาบอกว่า ขอทำเป็นโฉนดก่อนแล้วค่อยโอนให้ทีเดียวเลย
แต่บัดนี้เวลาล่วงผ่านมา 2 ปีแล้ว พยายามพูดให้เขาโอนให้ เขายังไม่ยอมโอนให้ โดยบ่ายเบี่ยงว่าอีกคนยังไม่พร้อม ลืมบอกไปว่าที่ดินผืนนี้ผู้รับมรดกมีอยู่ 2 คน พยายามพูดอย่างไรเขาก็บ่ายเบี่ยงอยู่เรื่อย
ถ้าไม่ฟ้องร้องที่ศาลโดยอาศัยสัญญาซื้อขายที่ทำสัญญาซื้อขายและระบุว่า เขาได้รับเงินไว้เรียบร้อยแล้ว ทางผมและภรรยาจะปักรั้วลวดหนามแสดงเขตแดนที่ระบุไว้ในสัญญา จะได้หรือเปล่าครับ เพราะที่ดินมูลค่าไม่มากมายอะไรนัก เพียงแต่เป็นที่ฝังศพของบรรพบุรุษซึ่งไม่อยากให้ถูกขายไปเป็นสมบัติของผู้อื่น ซึ่งเมื่อขายไปแล้ว เขาต้องไถกลบหรือขุดทิ้งไป ผู้เป็นลูกคงทำใจไม่ได้
ผู้รู้น้อย/ภูเก็ต
ตอบ
ศูนย์ปรึกษากฎหมายชุมชน อาจารย์ปราชญา อ่อนนาค คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต แนะนำเรื่องนี้ว่า ในทางปฏิบัตินั้น คุณสามารทำได้ในเรื่องที่จะเอาลวดหนามเข้าไปขึงเพื่อกันเขต แต่หมายถึงว่า ภรรยาของคุณต้องมีชื่อและมีการแบ่งเขตอย่างชัดเจนในที่โฉนดผืนนั้นด้วย แต่ในทางกฎหมาย ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หากมีการฟ้องร้องเกิดขั้น ดังนั้น ก่อนที่จะเอาลวดหนามไปปักควรคิดให้ดีเสียก่อน
เนื่องจากไม่ได้เห็นรายละเอียดของหนังสือสัญญา จึงขอแนะนำตามข้อมูลที่ได้มาว่า ถ้าหลานๆ ไม่ยอมแบ่งโฉนดให้ ก็ต้องใช้วิธีฟ้องต่อศาลเพื่อขอแยกโฉนด โดยไม่ต้องให้โอน เพราะ เมื่อถึงเวลานั้น ศาลก็ต้องเรียกไปพบทั้งสองฝ่าย แล้วก็ทำการไกล่เกลี่ยหาข้อยุติให้ โดยจะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย
ลุงแจ่ม