
"วิภา ลีเอี่ยมสกุล" หญิงนักสู้ใจแกร่ง เริ่มชีวิตใหม่กับหัตถกรรมไหมไทย
ในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมา มีอาชีพเกิดขึ้นมากมาย และสามารถสร้างเถ้าแก่ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในวงการ ทั้งในระดับโอท็อป ระดับวิสาหกิจชุมชน หรือแม้กระทั่งเจ้าของธุรกิจอาชีพร้อยสร้อยคริสตัล ยาหม่องน้ำพิมเสน การทำดอกไม้จากถุงน่อง ฯลฯ เกิดขึ้นมาตามเทรนด์ความนิยม อาชีพเหล
วิภา ลีเอี่ยมสกุล เจ้าของร้านหัตถกรรมไหมไทยในตัวเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา ที่วันนี้ต้องกลายเป็นอาจารย์สอนอาชีพต่างๆ ให้แก่นักเรียน กลุ่มแม่บ้าน หรือกลุ่มอาชีพนั้นเริ่มต้นจากที่เมื่อปี 2535 ได้ย้ายตามสามีมาอยู่หาดใหญ่ และต้องเฝ้าหน้าร้านไหมไทยซึ่งเป็นร้านของพี่สะใภ้แล้วมีโอกาสนำดอกไม้ประดิษฐ์เข้ามาจำหน่ายและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็มีลูกค้าอีกกลุ่มที่อยากจะเรียนรู้ศิลปะประดิษฐ์เหล่านี้ จึงร้องขอให้ช่วยเปิดสอนร้อยคริสตัลฟรี โดยมีลูกสาวอายุ 17 ปี และลูกคนเล็กคอยช่วย
ความที่อาชีพนี้เปลี่ยนเร็ว ร้านก็ต้องสรรหาสินค้าใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ขณะที่ก่อนหน้านั้นเธอได้ทำอาชีพเร่ขายสินค้าไปทุกจังหวัด ก็ทำให้รู้จักแหล่งผลิตสินค้าว่าหาซื้อได้ที่ไหน ทำให้ได้รู้ว่าจังหวัดนั้นมีอะไร สินค้าตัวนี้หาที่ไหนได้บ้าง
วิภาเล่าว่า ก่อนหน้าปี 2543 เกล็ดปลากะพงเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อ จ.สงขลา ในช่วงนั้นที่ร้านก็จำหน่ายเกล็ดปลาที่สำเร็จรูป โดยไปเก็บเกล็ดปลาที่เขาทิ้งแล้วมาล้างและตากแห้งขาย ที่ร้านขายถุงละ 5 บาทในขณะที่เจ้าอื่นขายถุงละ 10 บาท และทุกครั้งที่ไปเก็บเกล็ดปลาก็จะพาลูกสาวทั้ง 2 คนไปด้วย ตอนนั้นคนโตอายุ 7 ขวบ ก็อยากให้เขารู้ว่าแม่ทำอะไร แต่เราเป็นคนที่แพ้กลิ่นคาวทุกครั้งที่ล้างหนังปลาเสร็จก็เหมือนคนจะเป็นลม กลับบ้านต้องนอน
"ปี 2543 น้ำท่วมใหญ่สินค้าในร้านลอยน้ำหมด ตอนนั้นหมดตัว หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นก็มีพี่ชายที่รู้จักกันแนะนำว่าเราควรจะเปลี่ยนสินค้า และพี่ชายที่เชียงใหม่เขาขายเครื่องครัวก็แนะนำว่าน่าจะลงเครื่องครัว ในขณะที่กำลังตัดสินใจว่าเราจะเดินหน้าต่ออย่างไรก็มีเพื่อนแนะนำว่าควรทำอะไรที่เราชอบ เราถนัดจะดีกว่า จึงตัดสินใจกลับมาทำร้านอีกครั้ง"
ยอมรับว่าหลังเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้งจนกระทั่งปี 2548 กิจการของร้านก็เติบโตขึ้นจากสถานการณ์ ขายสินค้าแทบทุกอย่างคือถ้าต้องการสินค้าเพื่องานประดิษฐ์ สามารถมาที่นี่ที่เดียวและได้ครบทุกอย่าง ร้านหัตถกรรมไหมไทยกลายเป็นร้านขายส่งอุปกรณ์งานประดิษฐ์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้
แต่แล้วในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ถือเป็นวิกฤติชีวิตที่เลวร้ายอีกครั้ง สินค้าในร้านเสียหายย่อยยับจากน้ำท่วมเมืองหาดใหญ่ แม้จะเหลืออยู่ก็ต้องคอยทยอยล้างและตากเพื่อขายต่อในราคาขาดทุนบ้าง แถมไปบ้าง เพื่อให้ได้เงินมาหมุนเวียน แต่สิ่งที่เธอยืนยันคือจะยึดอาชีพนี้ต่อไป และลูกค้าลูกศิษย์ที่เคยสอนออกไปก็กลับมาเป็นกำลังใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อ แม้จะต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้งในธุรกิจ ก็ถือว่าเราได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และสำคัญคือเราสามารถช่วยเหลือคนอื่นให้เขามีอาชีพ มีรายได้ และเราได้กุศลด้วย
"กิตติยาณีย์ สมหมาย "