ไลฟ์สไตล์

โลกใบนี้ดนตรีไทย - อวยพรกลอนปีใหม่

โลกใบนี้ดนตรีไทย - อวยพรกลอนปีใหม่

28 ธ.ค. 2553

วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก วลีนี้ผมได้ยินมาตั้งแต่วัยเด็ก ในตอนแรกก็ไม่ค่อยคิดอะไรเท่าไหร่ แต่พอเริ่มมีอายุมากขึ้นก็เลยรู้สึกว่า วลีนี้มันเป็นจริงซะแล้ว ที่เขียนมานี้ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับคืออยากจะบอกกับท่านผู้อ่านทุกท่านว่าวันเวลามันผ่านไปรวดเร็วจริงๆ และอี

  แต่ที่แน่ๆ ปี 2553 นับจากวันนี้ก็จะมีเวลาเหลืออีกเพียง 3-4 วันเท่านั้น ดังนั้นผมคงต้องขอกล่าวคำอวยพรให้แฟนคอลัมน์ของผมทุกๆ คนด้วยกลอนแปด แต่อยากจะบอกว่าอันนี้อาจจะแต่งไม่ค่อยดีเนื่องจากว่ามีเวลาไม่มากนัก เพราะช่วงนี้งานแสดงค่อนข้างเยอะ แต่ความพิเศษของกลอนนี้ก็คือผมแต่งบนเครื่องบิน ถ้าจะบอกว่ากลอนนี้แต่งกลางอากาศก็ไม่ผิดนัก

 อย่างไรก็ตามมันเป็นกลอนที่แต่งให้ท่านผู้อ่านคอลัมน์ของผมโดยเฉพาะ ดังนั้นก็คงไม่ต้องรีรอหรือลีลา จะขอกล่าวคำอวยพรด้วยกลอนแปดให้ท่านผู้อ่านทุกๆ ท่านดังนี้ครับ
 สวัสดีปีกระต่ายไทยทั่วหล้า    เหล่าประชาผาสุขทั่วทุกทิศ
ขอองค์พระโคดมสมประสิทธิ์     จงสถิตให้ชาวไทยใจเบิกบาน
ขอบารมีพ่อหลวงของปวงชน                 มาบันดลให้ทุกคนพันภัยพาล
คุณบิดรมารดามาบันดาล      ให้ทุกท่านมากด้วยงานสำราญใจ
เมื่อปีขาลผ่านไปใจคิดถึง      ควรคำนึงพึงรักษาความดีไว้
สิ่งเลวร้ายทั้งหลายให้หายไป     ในปีใหม่ใฝ่ใจใฝ่ความดี
พรใดใครอวยชัยได้ดังจิต                  กับชีวิตท่านที่อ่านคอลัมน์นี้
ที่ท่านอยู่ดูและอ่านผ่าน 1 ปี     โลกใบนี้... ดนตรีไทย ให้สุขเอย

 และนี่ก็คือกลอนที่ผมแต่งบนอากาศ ซึ่งมันอาจเป็นพรที่สัมฤทธิผลก็เป็นไปได้ แต่ความจริงแล้วพรใดที่ประเสริฐมันจะไม่บังเกิดผลถ้าเราไม่ทำกรรมดีและสร้างแต่กรรมชั่ว ต่อให้พรจากสวรรค์ชั้นไหนก็ไม่มีทางจะบังเกิดขึ้นกับตัวเรา เพราะฉะนั้นตัวเรานั่นแหละครับ จะเป็นผู้กำหนดความเจริญความสุขให้กับตัวเราเอง ดั่งคำพระที่ท่านว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นั่นแหละครับ

 สำหรับฉบับนี้หลังจากที่ผมได้แต่งกลอนบนเครื่องบินจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯ ก็ต้องมานั่งเขียนคอลัมน์อยู่ที่วังพญาไท เนื่องจากผมได้มาแสดงที่งาน 1 ศตวรรษ 5 รัชกาล ร้อยปีวังพญาไท ซึ่งเอาไว้ในฉบับหน้าผมจะเขียนประวัติของวังพญาไทรวมถึงบรรยากาศในงานนี้

 เขียนถึงนั่งเครื่องบินจากชียงใหม่ก็อยากที่จะแนะนำให้ท่านผู้อ่านได้ไปเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เพราะว่าตอนนี้อากาศที่นั่นกำลังเย็นสบาย ไม่ถึงกับหนาวมาก แต่บรรยากาศหลายแห่งที่ผมไปต้องบอกว่า สุดที่จะบรรยาย โดยเฉพาะร้านอาหารหลายๆร้านมีบรรยากาศที่สุดยอด ผมจะยกตัวอย่างให้ซัก 1 ร้าน ก็คือร้านที่มีชื่อว่า "กาแล"  ซึ่งร้านนี้อยู่บนภูเขาหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทั้งอาหารและบรรยากาศริมเขาดอกไม้เต็มพื้นที่ หายใจได้อย่างเต็มปอด ร้านนี้เป็นร้านของโครงการหลวง ก็เลยอยากจะให้ท่านผู้อ่านที่คิดจะไปจังหวัดเชียงใหม่น่าจะลองขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศของร้านนี้

 กลับมาจากเชียงใหม่ครั้งนี้ก็ได้เห็นอะไรที่ดีๆหลายอย่าง อย่างเช่นพิธีปิดกีฬามหาวิทยาลัยอาเซียน ได้เห็นเจ้าภาพประเทศต่อไปก็คือประเทศลาว นำการแสดงมาโชว์ด้วยชุดรำวง แต่งตัวแบบผ้าถุง ซึ่งผมเคยเห็นมาเมื่อครั้งไปเวียงจันทร์เมื่อปี 2545 จึงทำให้นึกถึงว่าทำไมบ้านเราไม่มีใครนุ่งผ้าถุงแบบนี้บ้าง ผลปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นผมไปเดินที่ห้างโรบินสันได้เห็นนักเรียนจังหวัดเชียงใหม่ แต่งชุดนักเรียนเป็นผ้าถุงซึ่งผมดูแล้วมันเจริญหูเจริญตาถูกใจเป็นอย่างยิ่ง พอสอบถามจากเพื่อนบอกว่าตอนนี้ทุกวันศุกร์ จังหวัดเชียงใหม่จะให้นักเรียนทุกโรงเรียนแต่งชุดพื้นเมือง ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดี

 พอขากลับซึ่งผมก็ต้องรีบมาที่งานวังพญาไท พอถึงสุวรรณภูมิผมก็ทดลองนั่งรถไฟแอร์พอร์ตลิงค์ ทำให้นึกถึงรถไฟ ชิงคันเซ็งประเทศญี่ปุ่น เพราะทุกอย่างเหมือนกันหมด ต่างกันที่ความเร็วที่เราเป็นรองอยู่นิดหน่อย แต่ก็ถือว่าดีมากเนื่องจากใช้เวลาแค่เพียง 15 นาที ก็ถึงสถานีมักกะสัน แต่ที่ไม่ค่อยดีก็คือคนขึ้นน้อยไปหน่อย

 เอาล่ะครับฉบับนี้หมดเนื้อที่อีกแล้ว ท้ายนี้ก็ขอตอบคำถามของคุณวีระ สุพลัง ซักหน่อยที่ถามว่า บ้านผมไหว้ครูเมื่อไหร่ ก็คือวันที่ 30 ธันวาคม ที่จะถึงนี้ผมจะไหว้ครูประจำปีที่บ้าน ก็ขอเชิญร่วมงานกันได้ทุกคนครับ รายละเอียดติดต่อได้ที่ [email protected] นะ <mailto:[email protected]%20นะ>ครับ... สวัสดีครับ

"ขุนอิน"